วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รายงานสาธารณะฉบับที่ 30.2 ร่วมเวทีเตรียมรับฟังเสียงประชาชน สู่สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ

รายงานสาธารณะฉบับที่ 30.2 ร่วมเวทีเตรียมรับฟังเสียงประชาชน สู่สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ

ในช่วงวันที่ 24-26 ธันวาคม 2557 เป็นช่วงเวลาของการจัดการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 7 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ อิมเพค เมืองทองธานี โดยปีนี้ มีระเบียบวาระที่เข้าสู่การประชุม 6 “ระเบียบวาระ” และ 1 การรายงานผลความก้าวหน้าของ “มติ” สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ทำให้ผมได้อะไรเพิ่มขึ้นและได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นเช่นเคยครับ

จากเชียงใหม่เช้าวันที่ 12 พฤศจิกายน ผมต้องเดินทางล่วงหน้าไปก่อนในฐานะ “นักสานพลัง” ซึ่งปีนี้ทางผู้จัดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติให้โควต้าผู้เข้าอบรมโครงการนักสานพลังร่วมกิจกรรมและแสดงออกถึงศักยภาพของนักสานพลังซึ่งมีบทบาทที่เรียกว่า 5 ตัวจี๊ด (นักประสาน/นักสื่อสาร/นักยุทธศาสตร์/นักวิชาการ/นักจัดการ) โดยตัวแทนแต่ละฝ่ายหลังจากที่ได้มีการวางแผนเบื้องต้นก็เข้าร่วมประชุมที่บ้านของ“สุชน” หรือ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของการมาเยือนครับ ซึ่งเดินทางมากับพี่สาวสองท่าน(พี่แอ้ว และพี่พะยอม) และอ้ายบ่าวจากเมืองตรัง(บังฝาด) พี่ๆ นนส.รุ่น 57 เพื่อร่วมออกแบบกิจกรรมร่วมกัน

การประชุมเป็นไปแบบเป็นทางการในช่วงต้น จนกระทั่วคลายตัวและสู่ความไม่เป็นทางการในบั้นปลายแต่ถือเป็นการผสานพลังทั้งการเล่น และความจริงจัง ผลผลิตที่ได้มีทั้งตารางกิจกรรมที่คราวนี้ นักสานพลังออกแบบกิจกรรมเองในตลอดระยะเวลา 3 วัน ของการเข้าเวทีสมัชชาติ การเตรียมกิจกรรมสำคัญหลายกิจกรรมทั้งการออกแบบการเรียนรู้ โจทย์ เป้าหมายของการเรียนรู้ตลอดทั้งงาน การเตรียมเวทีเสวนาขาขึ้นขาเคลื่อนประเด็นสุขภาพสู่ระดับชาติ(การยกระดับการแก้ปัญหาสู่นโยบายสาธารณะ)และกิจกรรมการเปิดตัวนักสานพลัง ซึ่งคุณก็ไม่รู้ว่า “นนส. คือใคร

หลังจากได้ผลผลิตของการเดินทางในวันแรกนักสานพลัง ส่วนหนึ่งซึ่งเป็นตัวแทนของจังหวัดต่างๆด้วยก็ได้เดินทางเข้าที่พักเตรียมตัวเป็นทีมจังหวัดในวันรุ่งขึ้น ผมเองติดนิสัยคนบ้านนอกนอนดึกตื่นสายแบบลืมตัว เผอิญว่าที่พักอยู่ห่างจากโรงแรมเลยต้องสวมวิญญาณคนกรุง ตื่นเช้าตั้งแต่ตี 5 ทั้งๆที่หลับตอนเกือบตี 1 สะโหลสะแหล ออกจากที่พักพร้อมกับลุงนิ(นนส. เชียงราย) ออกเกือบ 7 โมง ด้วยความโชคดีที่รถไม่มากจึงถึงที่ประชุม รร.อมารี ดอนเมือง หรือโรงแรมแอร์พอต ดอนเมือง ทันเวที

เนื่องจากเข้ามาเช้าเลยมีเวลาสำรวจสถานที่บ้าง อะไรบ้างเก็บภาพเก็บแนวคิดเพื่อเอาไปปรับใช้ในจังหวัดลำพูน ในฐานะของ “หน่วยเลขานุการกิจฯลำพูน” สำหรับการเดินทางครั้งนี้เราเดินทางเต็มอัตรา 5 คนมีพี่ม่อน ศราวุธ จากสมาคมพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นจังหวัดลำพูน พี่เจี๊ยบ กรพินธ์ จากพัฒนาสังคมจังหวัดลำพูน ลุงบุญส่ง จากสถาบันวิจัยหริภุญัย และพี่นัท ปภังกรณ์ จากเครือข่ายชุมชนแม่ทา ร่วมกับผม เป็น 5 คนตามโควตา โดยปีนี้สมัชชาสุขภาพแห่งชาติมี 6 ระเบียบวาระที่จะต้องเข้าสู่ที่ประชุมโดยต้องจัดทำเวทีรับฟังเสียงประชาชนก่อนการเข้าสู่สมัชชาสุขภาพแห่งชาติซึ่งประกอบไปด้วย 1) การพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อบูรณาการกลไกคุ้มครองเด็ก เยาวชน และครอบครัวจากปัจจัยเสี่ยง 2) การจัดการสเตอรอยด์ที่คุกคามสุขภาพของคนไทย 3) การพัฒนากระบวนการประเมินและการตัดสินใจการใช้เทคโนโลยีด้านสุขภาพ 4) การกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีในประชาชน 5) การจัดทำแผนยุทธศาสตร์สุขภาพโลกของประเทศไทย 6) ทบทวนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ การป้องกันผลกระทบต่อสุขภาวะและสังคมจากการค้าเสรีระหว่างประเทศ(FTA) และ 7)รายงานความก้าวหน้า ในการติดตามการดำเนินงานตามมติฯโดยทีมจังหวัดได้จัดสรรภารกิจเพื่อเข้าสู่การประชุมแต่ละห้อง และเก็บรายละเอียดเนื้อหาเพื่อเข้าสู่ที่ประชุมจังหวัดในคราวในช่วงวันที่ 24-30 พย. โดยเป็นไปตามความพร้อมของแต่จังหวัด

แน่นอนว่า แต่ละท่านต่างไม่ใช่หมอ ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านแพทย์ หรือความรู้ด้านสา’สุข แต่เนื่องด้วยสุขภาพสมัยใหม่ นั้นไม่จำกัดเพียงมด หมอ ยูก ยา แต่เป็นเรื่องของคนทุกท่าน สุขภาพองค์รวมที่ต้องคำนึงพึงกาย ใจ ปัญญาและสังคม ที่จะต้องดูแลให้ครบแบบ 360 องศาก็ว่าได้ จึงจำเป็นต้องมีความหลากหลายจากแบบสหวิชาชีพ ที่เข้ามามีส่วนร่วม และจะนำไปสู่ความเป็นเจ้าของในอนาคต ซึ่งนี่คือทิศทางของนโยบายสาธารณะสมัยใหม่ การฟังเสียงของประชาชนก่อนเคลื่อนงานนโยบาย หรือตัดสินใจทำงานที่จะกระทบต่อผู้คนทั้งดีและร้าย ย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนมีความเป็นเจ้าของและพร้อมจะดูแลรักษาสิ่งเหล่านั้น มากกว่าการยัดเยียดโดยไม่ฟังแม้เสียงของประชาชนในความต้องการ หรือไม่ต้องการที่เกิดขึ้น

แม้แต่ละท่านที่เดินทางเข้าร่วมจะไม่ชำนาญเอาเสียเลยกับเรื่องที่ดูใหม่สำหรับระเบียบวาระทั้ง 6 ที่เกิดขึ้นในปีนี้ แต่สิ่งที่ทุกท่านมีเสมือนกันคือความตั้งใจ ใฝ่รู้ ศึกษา และหอบข้อมูลกับไปคืนสู่พื้นที่อย่างดีที่สุด และซึ่งนี่คือพลังของพลเมืองที่เกิดขึ้น อย่างเป็นระบบโดยมีกลไก “สมัชชาสุขภาพ” เป็นเครื่องเร่งกระบวนการให้เกิดขึ้น คงต้องติดตามกันอีกครั้งครับว่าหลังจากนี้ เวทีพิจารณาร่างมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 7 จะเกิดขึ้นในวันใด ที่ใด ต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิดครับ แล้วผมจะเก็บเกี่ยวนำมาบอกเล่าเป็นระยะๆครับ

14 พฤษภาคม 2557 : ตำบลอุโมงค์ ลำพูน

พลังแห่งการตั้งคำถาม พลังแห่งความสงสัย

พลังแห่งการตั้งคำถาม พลังแห่งความสงสัย

ขณะที่ผมเดินทางออกไปหาอะไรกิน(รอพี่สาวจากเชียงราย)ผมได้สบตาคู่งามของ สาวๆกลุ่มหนึ่ง ปมสัมผัสได้ว่าเธอมีความมั่นใจในแบบฉบับสาวพาณิชย์ น่าจะเดินทางมาดอนเมืองไม่บ่อยนัก เพราะผมสังเกตเห็นว่าเธอกำลังเดินขึ้นบันไดชั้นสองของอาคารซึ่งไกล และคงเหนื่อยน่าดูเพราะเธอมีกระเป๋าใบงามแบบนักเดินทางฟรุ้งฟริ้งกันทุกนาง สักพักเธอลับตาผมไป ตอนแรกผมแกรงว่าเธอจะไปคยละทางกับผม เลยไม่ได้ทัก ผมเลือกเดินไปที่ลิฟ ตามแบบของคนที่ติดสบาย(ไม่รักโลกเอาเสียเลย)

และแล้พอขึ้นชั้น 2 ผมได้สบตากับเธอ อีกครั้งพร้อมเม็ดเหงื่อที่แสดงถึงความเหนื่อยพอดู นางยิ้มแบบอายๆน่ารักดี ในใจผมคิดว่าจริงแล้วเหตุการณ์นี้อาจไม่เกิดหากเธอลองสำรวจ สังเกต และสอบถาม ถึงวิธีที่ดีที่สุดในการเดินทาง


ทำให้ผมฉงนคิดถึงพลังแห่งความสงสัย พลังของการตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดเราจึงไม่ค่อยถูกสอยให้สงสัย ซักถาม โต้ตอบ และรับฟัง อันจะนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของพลเมือง ฤ เรากลัวจะถูกมองว่าไม่ฉลาด(ฮ่า) บ่อยครั้งหากผมไม่รู้ผมจะรีบถาม หรือหาเวลาหลังไมค์เอาให้เครียซึ่งนั่นแหละสายตาแห่งคำสาปก็จะทะลักเข้ามา แต่กระนั้นผมก็ภูมิใจนะ(หึหึ)ว่าผมได้รู้แล้ว อย่างน้อยผมก็รู็ตามที่เป้าหมายต้องการให้รู้แล้วหละ

ถึงตอนนี้ผมเริ่มตระหนักถึงพลังแห่งความสงสัย ที่นำไปสู่พลังของการตั้งคำถาม และพาเราไปสู่ประสบการณ์ใหม่ว่ามันมีพลังจิงๆ (Oh my GOD)(เช้า12 พย 57:ดอนเมืองขาออก)

คนสำราญ งานสำเร็จ งานเสร็จคนมีความสุข

คนสำราญ งานสำเร็จ งานเสร็จคนมีความสุข




วันนี้ รู้สึกดีมากครับ ได้เรื่องดีๆหลายเรื่อง ระหว่างการเดินทางกลับ ซึ่งผมได้เดินทางร่วมกับพ่อหนานนิรันดร์ พี่แอ้ว ทีมเชียงราย เจอเท็กซี่เบาะขาว มารยาทดี มีน้ำใจ ขับรถสุภาพ รู้สึกประทับใจสุดๆและไม่แปลกใจเลยที่ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เขารับจะเป็นระดับ VIP แต่เผอิญว่าพี่เขามาส่งจากกระทรวงออกมาถึงถนนงามวงศ์วานจึงต้องลงรถอีกต่อ หนึ่งซึ่งก็น่าแปลกใจที่เจอแท็กซี่สาว(ใหญ่)พูดคุยลงลึกถึงงานในกระทรวงสา’ สุข แค้นไปมาๆกลายเป็นเจ้าหน้าในกระทรวงระดับ ซี 7 ถ้าไม่ไม่เป็นจริงก็คงทำการบ้านมาดีมาก เพราะฉายภาพ และเล่าเรื่องได้หลายเรื่อง เรียกว่ารู้จักหน่วยงานชื่อว่าสัปรส (สปรส.) และไล่ฉากสำคัญของหน่วยงานนี้ได้ก็ไม่ธรรมดาหละ

ว่าไป แล้ววันนี้สนุกมากและประทับใจอะไรหลายอย่างครับทั้งก่อน กลาง หลังการประชุม หากนับผลผลิตของการจัดโปรแกรมของ “นักสานพลัง” ที่จะวางแผนไว้ในงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 7 นี้ตัวแทนแต่ละทีมงานที่ลงไปทำงานและกลับมานำเสนออย่างดีครับ ทั้งงานสื่อ งานประเมินผล ผมรับผิดชอบเรื่องทำ mind map งานง่ายๆก็ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรมากเลยให้เวลาของพี่ๆฉายเรื่องที่สำคัญๆกัน

ภาพรวม ของลงวันนี้มีหลายด้านครับทั้งเรื่องการจัดโปรแกรมสำหรับให้ นักสานพลังเก็บเกี่ยวข้อมูลจากงานสมัชชาสุขภาพ ซึ่งฝ่ายวิชาการคงต้องออกแบบโจทย์กำหนดเป้าหมายของผลการเรียนรู้ ฝ่ายประเมินก็จะได้ตรวจการบ้านได้ถูก ฝ่ายสื่อต้องช่วยกันสร้างพื้นที่สื่อสาร จะเชิญใครออกวิทยุ ทีวีออนไลน์ เฟสบุ๊ค หม้อหุงข้าว ไมคโครเวฟฟฟฟ.... ก็ว่ากันไปเอาเป็นว่าปูพรมยึดพื้นที่กันให้แน่นหนา และที่สำคัญอาจนับเป็นไฮไล้ท์ ที่สำคัญมากคือการเปิดตัว “นักสานพลัง” อันนี้จำเป็นจะต้องวางแผนกันขนาดหนักทีเดียวเรื่องการทำงานเชิงนำเสนอว่าจะ ทำอย่างไร รวมถึงการจัดเสวนาขาขึ้นขาเคลื่อน(การยกระดับประเด็นสู่นโยบายสาธารณะ)จาก ทั้งภาคเหนือว่าด้วยสุขภาวะชาวนา ภาคอีสาน พยาธิใบไม้ในตับ หรือใต้สันติสุข ที่ได้ช่วยกันยกขึ้นมาสู้สมัชชาชาติ เขาทำกันอย่างไร

สิ่ง เหล่านี้ชัดเจนในระดับการเห็นภาพงาน แต่รายละเอียดจำเป็นจำต้องเสริมซ้ำอีกครั้งให้ชัด คม ลึก และได้ผลส่งต่อให้กำลังคนกลับไปสานพลังร่วมกับการพัฒนานโยบายสาธารณะแบบมี ส่วนร่วม(PHPP) ในพื้นที่อย่าง smart โดยพรุ่งนี้นักสานพลังจากทุกภาค และเครือข่ายจังหวัดจะเดินทางร่วมกันที่ รร.อมารี ดอนเมืองเพื่อรับฟังแนวทางการจัดเวทีสมัชชาสุขภาพจังหวัด พร้อมทั้งการร่วมเรียนรู้ในกลุ่มระเบียบวาระของชาติ 7 มติอีกด้วย พรุ่งนี้จะเกิดงานขึ้นอีกหลายงาน สิ่งดีๆในแต่ละจังหวัดกำลังจะงอกงามขึ้นเช่นกัน ต้องติดตาม จับตา ประโยชน์ที่แต่ละพื้นที่จังหวัดจะได้รับอย่างใกล้ชิดครับ

(12 พย 57 : ชั้น 2 บ้านสุชน[สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ])

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รายงานสาธารณะเพื่อสุขภาวะสังคม ปักษ์แรก เดือน พฤศจิกายน 57


รายงานสาธารณะเพื่อสุขภาวะสังคม ปักษ์แรก เดือน พฤศจิกายน 57

สวัสดีครับเพื่อสมาชิกชาวโซเชียวทั้งหลาย อย่าพึ่งแปลกใจว่าช่วงนี้ผมตะบี้ตะบันทำอะไรหนักหนา จริงแล้วช่วงเวลาต่อจากนี้ผมพยายามจะสรุป ขมวด และจัดการเรื่องทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องการประชาสังคม งานสาธารณะ และสุขภาวะสังคม ให้เป็นรายงานสาธารณะเพื่อสุขภาวะสังคม ทางหนึ่งเสมือนรายงานความก้าวหน้าของงานที่ทำ ใครที่สนใจในสิ่งที่ผมทำ ว่ากำลังทำอะไร เป็นอะไร หรือทำงานอะไร ผมเองก็ตอบได้ไม่หมด ไม่ชัด นอกเสียจากท่านทั้งหลายจะให้เกียรติติดตามและซึมซับกับสิ่งเหล่านี้ครับ แต่ผมพอสรุปได้อย่างสั้นๆลงตัวว่ากำลังทำงานเพื่อสุขภาวะสังคม

ด้วยความสำนึกในเงินภาษีของพวกเรา ของผม จึงรู้สึกว่าคนที่ต้นทุนน้อยอย่างผมได้รับโอกาสดีๆหลายอย่าง และโอกาสเหล่านั้นก็ตั้งอยู่เงินภาษี เงินกองกลางของพวกเราทุกคน การรายการสาธารณะก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมพอจะทดแทนบุญคุณของแผ่นดินหรือกระจายผลประโยชน์ของพวกท่านที่ผมได้เผชิญ ได้เข้าไปใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านั้นได้คุ้มค่าหรือไม่ เปรียบเป็นการรายงานความก้าวหน้าโดยสำนึกในประโยชน์สาธารณะในเงินสาธารณะที่ผมได้รับและทำงานทางสังคมที่เป็นอยู่ครับ


เบื้องต้นของรายงานเรื่องกิจกรรมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติก่อนนะครับ ในปีนี้ครั้งที่ 7 ของกระบวนการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งถือว่ามีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องทั้งในระดับชาติ ระดับประเด็น และขยายสู่ระดับจังหวัด โดยมีการสร้างคนทำงานแนวนอน หรือเพื่อนร่วมพัฒนาอย่าง นนส.(นักสานพลัง) กระจายให้เต็มพื้นที่ทุกจังหวัด ซึ่งในวันที่ 13 พย.นี้จะเป็นการประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ปีนี้มีทั้งหมด 7 ระเบียบวาระครับ รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบต่อไป สำหรับการเดินทางนั้นลำพูนมีตัวแทน 5 ท่านได้แก่ คุณศราวุธ จันตาเวียง สมาคมพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นจังหวัดลำพูน คุณกรพินธ์ วงศ์เจริญ นักพัฒนาสังคม(ว) พมจ.ลำพูน คุณบุญส่ง เวศยสิรินทร์ นายกสมาคมสถาบันวิจัยหริภุญชัย คุณปภังกร อัศวพิรุณ เครือข่ายองค์กรชุมชนแม่ทา และผมอีกหนึ่งคนในฐานนะทีมเลขานุการกิจฯ เข้าร่วม โดยผมจะเดินทางล่วงหน้าไปก่อนในวันที่ 12 เพื่อเตรียมกิจกรรมพิเศษในส่วนของนักสานพลัง (นนส.) ซึ่งลำพูนมี 3 ท่านคือ ผอ.ธวัชชัย กันทะวันนา ทต.ริมปิง คุณวันเพ็ญ พรินทรากูล สถาบันวิจัยหริภุญชัย ซึ่งทราบว่าตอนนี้ทาง สช.ได้จีบตัวแทนลำพูนอีกท่านเพื่อเข้าโปรแกรมนักสานพลังในปี 58 ต่อไปครับ

สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมาผมเริ่มเขาไปจัดรายการวิทยุ สวท.ลำพูน 95.0 Mhz ช่วงเวลา 13.00-14.00 น. ในรายการฮอมแฮงแป๋งหละปูน ซึ่งนับจากนี้จะเริ่มจัดอย่างจิงจัง นั่นหมายความว่า ทุกวันจันทร์ผมจะไม่รับนัดใคร หากไม่สำคัญผมจะไม่ part เวลาส่วนนี้ไปไหนเพื่อนำเรื่องราวของภาคประชาสังคม สื่อสารผ่านช่องทางของสถานีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นครับ สัปดาห์ที่แล้วผมได้เดินทางไปร่วมกับทีมนักสื่อสารของเว็บไซท์ areahpp.net ซึ่งเป็นเว็บของสำนักปฏิบัติการพื้นที่เพื่อร่วมคิดวางแนวทางในการสื่อสารทางสังคมระดับพื้นที่จังหวัด กลุ่มจังหวัด(เขตสุขภาพ) และงานส่วนกลางระดับชาติให้ครอบคลุมทุกมิติครับ ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ รายงานสาธารณะของผมถูกหยิบยกไปสู่ เรื่องเล่าของทางเว็บไซท์ ของคุณมากสำหรับการให้ความสำคัญครับ

และในช่วงเวลาสัปดาห์ก็เป็นช่วงเวลาของการจัดส่งเอกสารสรุปกิจกรรมสมัชชาสุขภาพโครงการปี 56-57 และวางแผนสำหรับปี 58 ที่กำลังจะถึงและเตรียมเข้าสู่คณะกรรมการจังหวัดในคราวต่อไป โดยระหว่างนี้ผมได้เป็นเสมือนพ่อบ้าน(แม่บ้าน) จัดการข้อมูลเพื่อให้ทีมลำพูนได้เข้าไปร่วมกิจกรรมในวันที่ 13 พย ดังรายชื่อข้างต้น ซึ่งหลังจากนี้ลำพูนจะก้าวเดินสู่โหมดของการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นทั้งจากกระบวนการปฏิรูป กระบวนการสมัชชาสุขภาพ และกิจกรรมทางสังคมมากมาย ที่สุดท้ายเป้าหมายเพื่อการมุ่งพัฒนาสังคม สุขภาวะสังคมให้พร้อมส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป (นฤเทพ พรหมเทศน์ : 10 พย 57)

ปิดกิจกรรม เปิดกระบวนการ จากความมั่นคงทางอาหาร สู่กระบวนการสมัชชาสุขภาพจังหวัดลำพูน


ปิดกิจกรรม เปิดกระบวนการ จากความมั่นคงทางอาหาร สู่กระบวนการสมัชชาสุขภาพจังหวัดลำพูน

จบ ลงด้วยความชื่นมื่นครับ สำหรับเวทีสมัชชาสุขภาพจังหวัดลำพูนครั้งที่ 1 ซึ่งถือเป็นกิจกรรมทางสังคมที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากคณะกรรมการ สุขภาพแห่งชาติ เพื่อผลักดันให้เกิดกระบวนทางการสังคมที่มุ่งเน้นผลิตนโยบายสาธารณะแบบมี ส่วนร่วม โดยกิจกรรมตลอดทั้ง 2 วันระหว่างวันที่ 10 – 11 กันยายน ที่ผ่านมาเป็นการนำเสนอผลงาน ขุมพลังทางธรรมชาติของคนพื้นที่จังหวัดลำพูน พี่น้องชาติพันธุ์ กลุ่มองค์กรทางวิชาการ เอกชน ประชาชน และหน่วยงานภาครัฐที่ร่วมลงขัน ลงแรง ลงใจผลิตงานสมัชชาสุขภาพจังหวัดลำพูนได้อย่างน่าชื่นชมครับ

ตลอด ระยะเวลา 2 วันทุกกิจกรรมล้วนเกิดจากความต้องการของพื้นที่ “ลานสมัชชา” ซึ่งเป็นทั้งข่วง(ลาน) ที่แสดงออกถึงความมั่นคงทางอาหาร พื้นที่แสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น เวทีนำเสนอผลงานความสำเร็จของคนทุกกลุ่ม(สภาองค์กรชุมชน เครือข่ายงานวิจัย เกษตรกรผู้ผลิตอาหารปลอดภัย กลุ่มอย.น้อย และเครือข่ายด้านสุขภาพ) ซึ่งล้วนเป็นกลังสำคัญในการเคลื่อนไหว สร้างแรงผลักดันให้กิจกรรมนี้มีชีวิตน่าสนใจ และน่าติดตาม ถือเป็นอีกแรงหนุนที่ทำให้เวทีทางวิชาการได้ผ่อนคลายลง ตั้งแต่วันแรกเปิดฉากด้วยการย้อนคิด ย้อนกระบวนการจัดการตนเองโดยสภาองค์กรชุมชน คุณพิรุณ จันทร์ธรรม สมาชิกสภาพัฒนาการเมือง กรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้ใช้เวทีสมัชชารวมสานเสวนาแสดงพลังการจัดการตนเอง ถอดบทเรียนวิถีครูบาศรีวิชัย 3 สายน้ำหลัก น้ำแม่กวง น้ำแม่ทา และน้ำลี้ ที่อาศัยวิถีธรรมชาติญาติตราพัฒนาบ้านเมือง ทั้งสร้างถนน บูรณะวัด และปลุกวิญญาณการจัดการตนเองของประชาชนตลอดสายน้ำที่ดำเนินกิจกรรม

ภาค บ่ายได้รับเกียรติจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชปัญญาโมลี เจ้าคณะจังหวัดลำพูน โปรดเมตตาเป็นองค์ประธานเปิดพื้นที่สมัชชาสุขภาพตามวิถีธรรม และเทศนาธรรมในการวางตนในยุคปัจจุบันจากนั้นจึงเป็นการจัดกระบวนการสุนทรียะเสวนา วาระความมั่นคงทางอาหารเพื่อสุขภาพวะของคนลำพูน นำโดยสถาบันวิจัยหริภุญชัย อาจารย์นพพร นิลณรงค์ นักวิชาการอิสระ กรรมการสถาบันวิจัยหริภุญชัย คุณวันเพ็ญ พรินทรากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยหริภุญชัย ตลอดจนสมาชิกและประชาชนที่ค้นหน้าบนกระบวนการเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดภัย อยู่กันคับคั่ง ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่แต่ละคนลงมือทำ ลงมือจัดการอาหารให้มั่นคงด้วยตนเอง ซึ่งวงเสวนาต่างเห็นตรงกันว่า การจัดการตนเองตามให้มีความมั่นคงทางอาหารจะต้องเริ่มที่ “ตนเอง” เริ่มจัดการตนเอง การให้ความรู้ตั้งแต่ระดับเยาวชนจะเป็นการปลูกปัญญา ปลูกความรักและความงอกงามภายใน สร้างให้พวกเขาอยู่ได้ในอนาคตอย่างมั่นคง

บรรยากาศ ยามเย็นการเสวนาเริ่มเข้มข้นขึ้นและจบลงอย่างเนิบช้า อบอุ่นบนฐานทางวัฒนธรรม การแสดงดนตรี การฉายหนังกลางแปลงตามต้นทุนทางวัฒนธรรมชาติชนของคนลำพูนเริ่มขึ้น เครือข่ายองค์กรชุมชน คุณปภังกร อัศวพิรุณ ครูภูมิปัญญาจากบ้านทาขุมเงินได้เก็บภาพบรรยากาศการเดินธรรมชาติญาติตรามา ร้อยเป็นหนังสั้นและฉายให้ดูกันคืนนั้น จนกระทั่งเช้าวันที่ 11 กันยายน ฤกษ์ดีสำหรับกระบวนการสมัชชาสุขภาพลำพูนได้เริ่มขึ้น


การ เปิดกิจกรรมสมัชชาสุขภาพลำพูนในครั้งที่ 1 พ.ศ. 2557 ได้รับเกียรติจากคุณสุทธิพงษ์ วสุโสภาพล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เป็นสักขีพยานของการจัดกระบวนการทางสังคมในครั้งนี้ ซึ่งพิธีเปิดได้รับเกียติจาก 3 ท่านจำลอง เณรแยม ปลัดจังหวัดลำพูน คุณสุทธิพงษ์ วสุโสภาพล ผู้ช่วยเลขาธิการฯ และคุณวรรณทิภา ปัญญาภรณ์ ตัวแทนเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืน รัฐ วิชาการ และประชาชน ร่วมเปิดงานในครั้งนี้ ซึ่งตลอดทั้งกระบวนการสมัชชาสุขภาพจังหวัดลำพูนเต็มไปด้วยความจริงจัง ขึงขัง เข้มข้น ของผู้เข้าร่วมกระบวนการสมัชชาซึ่งท้ายที่สุดที่ประชุมมีมติรับหลักการ 3 ระเบียบวาระได้แก่ 1) ความมั่นคงทางอาหารเพื่อสุขภาพวะของประชาชน(คนลำพูน) 2)การจัดการน้ำมันเสื่อมสภาพโดยคนหละปูน 3) การจัดการพืชผักปลอดภัยโดยคนหละปูน ซึ่งต้องยอมรับว่าทั้ง 3 ระเบียบวาระเป็นผลของการทำงานภายในจังหวัดลำพูนที่มีอย่างต่อเนื่อง และยกระดับกิจกรรมสู่นโยบายสาธารณะ ในปีแรกนี้ถือว่าทุลักทุเลพอสมควรมีข้อเสริมหลายสิ่งที่คณะทำงานต้องเก็บ ปรับแก้ และเรียนรู้แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นตลอดกิจกรรมครั้งนี้คือจิตวิญญาณแห่ง สาธารณะ ที่จะเป็นแรกผลักให้เกิดกระบวนการสมัชชาจังหวัดในระยะต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง โดยคุณจรูญ คำปันนา ประธานคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพจังหวัดลำพูนเองก็คาดหวังว่าในปีต่อไป กระบวนการสมัชชาสุขภาพจังหวัดลำพูน จะเป็นกระบวนการหน้าหมู่(สาธารณะ) ที่ทุกคนได้เข้ามามีส่วนร่วม ส่วนเป็นเจ้าของ และร่วมกันทำงานเพื่อเมืองลำพูนของเราต่อไป


แม้เวทีสมัชชาสุขภาพจังหวัดลำพูนจะจบลง แต่กระบวนการสมัชชาสุขภาพจังหวัดลำพูนถือว่าได้เริ่มจุดประกาย ทำให้ภาพของการทำงานภาคประชาชนมีความแจ่มชัดมากขึ้นในการที่จะยกระดับ กิจกรรมที่ทำอยู่ให้มีพลังมากขึ้น มีส่วนร่วมมากขึ้น และมีกระบวนการอันนำไปสู่การเป็นนโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วม ที่พึงเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งถือเป็นที่น่าจับตาว่าลำพูนต่อจากนี้จะก้าวเดินอย่างไรในกระบวนการ สมัชชาสุขภาพจังหวัดในปีที่ 2 ต้องชวนติดตามครับ (นฤเทพ พรหมเทศน์ : ทีมเลขานุการกิจฯ) 

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เรื่องเล่าคราวพานายน้ำแอ่ว


วันก่อน (10 สิงหา) พานายน้ำไปเรียนเศษ เป็นโปรแกรมสำหรับพัฒนาศักยภาพเด็ก และเสมือนพาไปพบกับ consultant ด้านเด็ก หากคิดแบบต้นทุนเวลา กับเงินที่จ่ายไป สำหรับในตอนนี้ดูแล้วมันก็เหนื่อยที่จะจ่าย แต่มองอีกแบบหนึ่ง หากเป็นแนวคิดเสมือนมีที่ปรึกษาในพัฒนาการของลูก เงินขนาดนี้ที่จะคอยติดตาม ประเมินผลพฤติกรรม และเป็นที่ปรึกษาด้านพัฒนาการของลูกอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ถือว่าคุ้มท่าดีเดียว และความความเป็นมิตร เป็นคนรู้สึก ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า นายน้ำ จะได้รับการพัฒนาในทิศทางที่เหมาะสม

เป็นการ ปรับตั้งพ่อและลูก เพื่อให้เขาพร้อมสำหรับการเดินทางในโลกของเขา ทุกวันนี้ก็ไม่ต่างมากนักกับพ่อใบเลี้ยงเดี่ยว แต่ยังดีที่มี พ่อปู่ แม่ย่า แม่น้า แม่ยาย บรา บรา บรา ที่แม่ของเรา รังสรร ให้เกิดขึ้น (ป๊าด) จนแม่เลี้ยงจอย คู่ชีวิตของเรา แทบจะไม่ต้องทำอะไรมากในฐานะแม่ เพียงแต่เติมเต็ม บางทีก็ออกแนวเป็นพี่สาว หรือเป็นลูกคนโตมากกว่า อิอิ


เอาเป็นว่า พัฒนาการของลูกเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นการกระตุ้นศักยภาพเราด้วยทางหนึ่งที่จะต้องจัดการเวลา เพื่อให้นายน้ำเติบโตเป็น "พลเมือง" ที่ดีของสังคม หน้าที่ สิบปี ของเราคือสิ่งนี้แหละ (นฤเทพ พรหมเทศน์ : 11 สิงหา)

สรุปทริปเติมเต็มนโยบายสาธารณะ


ขึ้นรถ ลงเรือ เดินเท้า นั่งเครื่อง รอรถไฟ อัดใน air port link ช่างเป็นชีวิตที่สนุกและท้าทายอย่างไม่อาจบรรยายได้หมด

ปิดฉากแรก และพร้อมเปิดฉากต่อไปครับสำหรับวันนี้(12 กย 57) การพัฒนานโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วม ตามที่ผมได้ post ไว้ก่อนหน้านี้ทริ ปนี้ค่อนข้างสมบุกสมบรร แบบบอกไม่ถูกของคุณที่สุดคือน้องโต้ง และพี่เปิ้ล สช.ที่เอื้อเฟื้อห้องน้ำให้ได้อาบน้ำในช่วงเช้า ไม่งั้นก็คงดูไม่จืดทั้งวันเลยครับสำหรับวันนี้

เริ่มต้นผมเดินทางจากเชียงใหม่ด้วยสายการแล่น(เพราะอยากนั่งรถหรอสักครั้งใน ชีวิต) จากเชียงใหม่ถึง กทม.ด้วย นครชัยแอร์แบบดีที่สุดที่มี ถือว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้สัมผัสมานับตั้งแต่ไม่ได้ทำงานเทศบาลแบบที่ ได้อยู่บนรถแบบเต็มที่ ตอนมาพอช.ก็มาแบบรถเหมือนกันครับ แต่รู้สึกว่าไม่ได้บรรยากาศเท่าไหร่เพราะนั่งแบบเกรงใจ แต่คราวนี้นั่งเดี่ยวไม่เกรงใจใคร เสียอย่างเดียวคือรถ ยังไงก็คือรถ นั่งจนตูดชากันไปเป็นข้างๆคนแขนขายาวก็เก้งก้างเป็นพิเศษพิเศษ

จากรถผมลงต่อไปที่ BTS(หมอชิต) ไม่รู้ทำไมพอบอกผมจะไปต่อ BTS นางฟ้าบนทางเรียบมีอมยิ้ม อื่มผมคงพูดอะไรผิดแน่ๆ แต่เนื่องด้วย GPS แบตหมด(ทุกทีเลย) จึงตัดสินในขึ้นรถเมย์แดง ลงหมอชิต BTS จ่ายไป 6.50 บาท ไม่รู้หน้าเรามีไรติด พอลงรถทัวร์มาก็โดนพาไปนั่งเท็คซี่ พาไปมอไซ ไปใกล้ๆ จะเก็บเรา 60 บาท แพงไปม้าง ทำยังกะฉานไม่เคยมานิ กทม.

จาก BTS ลง พญาไท เดินต่ออีกนิดเสาะหากแยกอุรุพงษ์ พื้นที่การเมืองที่เคยเดินผ่านตอนาประชุมเมื่อปีที่แล้ว ได้เจอโรงเรียนชื่อดูบ้านๆ แต่อินเตอร์มากมาย แถมมีผลงานซะด้วยฮั่นแน่ ค้นพบอยู่อย่างหนึ่งรับระหว่างการเดินทางคือ ชีวิตในเมืองนอกจากจะแข่งขันแล้ว ยงไม่ค่อยมีใครรู้ทางด้วย นี่เองที่น่าจะเรียกว่า "ป่าคอนกรีต" ป่าทึบเสียด้วย พอเดินทางถึงโรงแรมอาบน้ำเปลี่ยนชุดก็ดูดี ดูได้บ้างครับ



จากนั้นจึงร่วมฟังบรรยาย แลกเปลี่ยนความคิดเสนอประเด็นสู่การพัฒนาและแน่นอนว่าต้องนำเรื่องดีๆ กลับมาเพื่อให้ขบคิดกันต่อในจังหวัด และคราวนี้ผมคิดว่าจะใช้กลไกทางเอกสารเต็มแบบเนื่องจากที่ผ่านมาผมเองวาง position ตัวเองไว้น้อยไป ทำให้งานไม่เป็นระบบ

จากงานใหญ่ลงเรือได้น้องก๊อกครับ ใจดีเอื้อเฟื้อค่าเรือให้ 10 บาทขอบคุณมากๆ ได้สัมผัสความทุกยากและได้ลงเรือแบบนี้ครั้งแรก กลัวที่สุดเลยคือกลัวตกน้ำ ไม่ใช่ว่ายน้ำไม่เป็นนะครับ แต่...... เห็นแล้วสุดบรรยายจริงๆ




จากได้โชคดีมากครับที่ได้พบกับศิลปินใหญ่ คุณอินสนธิ์ วงศ์สาย ศิลปินที่เริ่มจากวาดรูปทุกวัน จนเก่ง และศึกษาจนได้ดี แต่การเรียนก็เป็นเพียงประตูที่นำไปสู่การเดินทางค้นหาชีวิตในโลกกว้างและ สร้างงานที่ทั่วโลกยอมรับ เพื่อนๆที่อยู่ในกทม. เชิญชวนไปดูงานของคนลำพูนนะครับ ที่ หอศิลปะสมัยใหม่ กทม. แถวสยามดิสครับ

จากนั้นก็มาเจอกมวลมหาประชาติ่งเกาหลี ที่รออยู่แถวสยาม เหมือนจะรอดูอะไรบางอย่างที่พวกเธอคลั่งกันได้ง่ายๆ งานนี้สาวๆเพียบครับ เห่อๆๆ แต่ด้วยเวลามีน้อย จึงรีบตรงดิ่งไป แอร์พอตลิ้ง พึ่งรู้ว่าเป็นของการรถไฟ พอเห็นตาก็รู้สึกไม่มั่นใจ เห่อ ๆ ๆ บอกไม่ถูกเหมือนกัน พอขึ้นไปก็เป็นเช่นนั้นครับ ไม่รู้สึกถึงความทันสมัย ปลอดภัย และคำว่าสะดวก อาจเป็นเพราะผมเองตาไม่ถึงหนะครับ ต้องขออภัยด้วยแต่ก็เชื่อว่าอนาคตคงมีการปรับโฉมและทำการไรให้คนไทยนะครับ สำหรับเรื่องเวลาถือว่าตรงดี ไม่เสีย ไม่สาย ติดที่ห้องโดยสารอาจแคบไปหากนับสำหรับ คนทั่วไปที่เขาจะเดินทางร่วมด้วย

จากนั้นเข้าเช็คอินสุวรรณภูมิ เตรียมเข้าสู่โหมดการเดินทางกลับ ทำแบบสอบถามเรื่องจุดแข็ง ซึ่งขากลับจะอ่านและวิเคราะห์ตัวเองให้ละเอียดมากมากขึ้น และก็นั่งเขียนสรุปทริปให้เพื่อนทราบไปด้วย ถือเป็นการประมวลความทรงจำที่ดีๆที่เกิดขึ้น ถือเป็นการพัฒนาตนเองในทางหนึ่ง ทางความคิด และทางการเดินทางที่ท้าทายตัวเอง เพื่อนๆหลายท่านอาจรู้สึกว่าผมมีเงินถุงเงินถัง หรือชอบทำตัวเว่นเวอ ไม่ติดดิน แต่ผมเองถือว่าเมื่อผมมีโอกาส ผมใช้โอกาสนั้นเพื่อสร้างการเรียนรู้ สร้างประสบการณ์ให้มากที่สุดเท่าที่โอกาสหนึ่งในชีวิตจะมี เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโอกาสเหล่านี้จะเกิดซ้ำอีกหรือไม่

เอาหละ กลับก่อนนะครับ สุวรรณภูมิ (นฤเทพ พรหมเทศน์ : ห้องรับรองบางกอกแอร์)
https://www.facebook.com/naiaos/timeline/story?ut=43&wstart=1388563200&wend=1420099199&hash=-4053388949100352854&pagefilter=3

เช้านี้จัดการต้นกล้วยในบ้าน จัดใส่หม้อให้แม่ขายมาหลายวันแล้ว

เช้านี้จัดการต้นกล้วยในบ้าน จัดใส่หม้อให้แม่ขายมาหลายวันแล้ว ได้เงินมาพอประมาณ ผมเป็นผู้หนึ่งที่ศรัทธาปัญญาเชิงประจักษ์ความรู้ที่เกิดจากการลงมือ จึงได้ลงมือทำหลายอย่างที่อยากทำ และอยากรู้ หลายครั้งที่ได้ยิน massage จากผู้รู้บ้างก็เป็นผู้ปฏิบัติ บางก็เป็นผู้รู้ทีคิดว่ารู้ แต่เมื่อฟังอย่างไคร่ครวญ ครุ่นคิด ก็มักได้สิ่งดีๆเสมอ เพราะผมถือว่าเราเองยังต้องการปัญญาอีกมาก บางเรื่องเป็นการซ้ำเสริม บางเรื่องรับเจตนาดีที่ sender ต้องการมอบให้จากใจ ซึ่งหลังจากเก็บสาระซึ่งที่ได้ฟังก็เสมือนการได้ฝึการฟัง อย่างไม่พยายามสร้างข้อโต้แย้งเพื่อให้เกิดปัญหา และต้องการปัญญาโดยแท้จริงก็มักพบช่องทางดีๆเสมอ

ตอนนี้ในสวนก็ต้องบอกว่ายังทำรายได้เพียงหลักร้อย อาจเป็นเพราะผมทำสวนแบบ part-time ซึ่งผลที่เกิดแต่เหตุ รายได้จึงมาแบบบางเวลา แต่ในอนาคตผมต้องยกระดับผลผลิตให้ออกได้ทุกวัน ใช้หลักคิดทำงานให้น้อยลง ผลผลิตที่มากขึ้น มีมูลค่าที่สูงขึ้น และที่สำคัยต้องเพิ่ม channel ให้หลากหลายขึ้น

ถือเป็นการซ้ำเสริมทบทวนตนเองในช่วงเวลาส่วนตัวที่พอมี จัดการตน จัดการบ้าน จัดการสวน ผมเองตั้งเป้าหมายส่งมอบส่งคมที่ดี บ้านเมืองที่ดีให้ลูกให้หลาน แต่เสมือนว่าก่อนจะยกระดับผู้คนต้องยกระดับจิตใจแห่งตนเอง บ้านเมืองที่ดีที่จะส่งมอบ ต้องเริ่มจากบ้านหลังน้อยหลังนี้ พื้นที 10 ไร่ ที่จะส่งมอบสู่ทายาทของผมไม่ว่าลูก หลาน หรือน้องชายเราจะต้องทำทุกตารางนิ้วของที่ดีให้ดีเสียก่อน เพราะนี่จะเป็นพื้นที่รูปธรรมความสำเร็จที่ส่งต่อได้อย่างชัดเจน (นฤเทพ พรหมเทศน์ : 1 ตุลา 57)

ความมั่นคงทางอาหารบนฐานความพอเพียง

ความมั่นคงทางอาหารบนฐานความพอเพียง

รู้จริง ทำจริง เข้าใจจริง เป็นคำพูดที่ก้องสะท้อนในใจเสมอ สำหรับการทำงานด้านความมั่นคงทางอาหาร ใช่เพียงการพร่ำเพ้อ หรือคิดฝันสร้างสรรค์สิ่งใดใหม่เลย เพียงแต่เป็นการเก็บเล็กผสมน้อย ค่อยลงมือทำ และดื่มด่ำกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นครับ


เช้านี้เก็บผักเก็บไม้ในสวนเล็กๆน้อยๆมาขายหน้าบ้าน(เลื่อนตำแหน่งให้แม่ เป็น ผู้จัดการตูบกาดอีกตำแหน่งหนึ่ง) แกเป็นคนชอบขายของครับ ผมเลยคิดว่าน่าจะได้แนวคิดทุนนิยมจากแก เพราะโลกนี้ต้องหมุนด้วยเงินตรา แต่หากปิดบ้านไม่เล่นโซเชียล ไม่ขับรถ ไม่สนทนากับผู้คนอยู่แต่ในมุมของตนเอง ก็ใช่เรื่องยากที่จะอยู่แบบพออยู่พอกินแบบสุดโต่ง แต่หากยึดหลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยึดหัวใจของหลักการนี้ได้ ต้องจัดการเรื่องเงิน(ทุน) ให้ได้เสียก่อนแล้วทุกอย่างก็จะดีตามมา


ผมตีความหลักปรัชญาในมุมนี้ และผมเชื่อว่านี่แหละทำให้เราอยู่ได้แม้จะเป็นเสรีนิยม ทุนนิยม หรืออนุรักษ์นิยม ว่าไปแล้วผักหลังบ้านเก็บขายวันหนึ่งก็ได้ไม่กี่ร้อยครับ แต่ผมคิดว่าเรามีตลาดหลายทาง ขายสด แปรรูป และขาย Know-how จริงแล้วก็ต้องบอกว่าผมได้รับอานิสงฆ์จากเฟสบุ๊คนี้แหละครับที่เหมือนได้นำ งานของตัวเองไปออกให้พี่ๆ น้องๆ ที่เคารพรัก ได้เห็นถึงมุมมองที่อาจเป็นประโยชน์และมักได้ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหลาก หลายที่ แต่ก็ถือว่าไปไกลเท่าที่ความสำเร็จเกิดขึ้น ณ ตอนนี้ครับ

ถึงวันนี้ผมยังมุ่งมั่นที่จะผลิตผักกินเอง ผลิตเหมือนที่เรากิน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สร้างความมั่นคงทางอาหาร เหมือนคุณโจน จันใด ผมไม่เคยเจอแกนนะครับ แต่ผมเชื่อว่าการสร้างความมั่นคงนอกจากจะเป็นการเก็บสะสมเมล็ดแล้ว การมอบวิญญาณแก่พืชด้วยการปลูกเป็นการสร้างความมั่นคงที่ยังยืนมากกว่า (นฤเทพ พรหมเทศน์ : 3 ตุลาคม 2557)

ตอบขอบคุณมิตรสหาย และแรงผลักดันในวันเกิด


ทุกวันเกิดสิ่งที่ผมพยายามทำทุกปีคือ "ลืมมันซะ" ไม่ค่อยให้ความสำคัญไม่ให้การจดจำมากนัก เหตุหนึ่งเกิดจากอายุ เอ้ย ไม่ใช่ เนื่องจากวันนี้มันไม่ใช่วันสำคัญของผมเลย เป็นวันสำคัญคนสำคัญคือผู้หญิงชุดแดง และผู้ชายชุดหม้อห้อม ที่อยู่แต่ละมุมของภาพ เพราะพวกเขาเป็นผู้ให้ชีวิตแก่ผม ให้ผมได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย ให้โอกาส ให้กำลังใจ ให้แรงขับดัน ขอบคุณคนแรกก็คือ พ่อ แม่ และเป็นผู้ที่ผมระลึกเสมอในทุกห่วงวาระสำคัญนี้ของชีวิตพวกเขาทั้งคู่ คงไม่ใช่การบอกรักออนไลน์นะครับ เพราะผมก็พยายามให้ความสำคัญกับท่านทุกวัน ...(เอาหละห่วงคำนึงท่านแรกผ่านไป )


 อีกคนหนึ่งที่ต้องขอบคุณ ในระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา(โฮ๋ นานจัง) เราได้พบกันเราได้ประคับประคองกัน เดินฝ่าอุปสรรคสร้างรอยยิ้ม และคราบน้ำตามามาย ขอบคุณเหลือเกินที่เธอเดินเคียงข้างฉัน ขอบคุณในทุกสิ่งที่มอบให้ จะว่าไปเธอก็เหมือนลูกสาวคนโต มากกว่าเป็นแม่ของลูก หากจะเรียกว่าคุณแม่จำเป็น ก็ว่าได้แต่ทุกสิ่งที่เธอทำ ก็หวังร่วมกันกับฉันที่จะสร้างคนคนหนึ่งให้เติบโตและเป็นคนดี เป้าหมายเช่นเดียวกันแต่อาจต่างที่วิธีการ กระนั้น ก็ต้องขอบคุณนับพันๆครั้ง ที่ยอมเดินทางคู่กัน ร่วมทุกร่วมสุข อย่างเป็นทางการก็คง 4 ปีแล้วซินะ

 แรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผมเป็นผมทุกวันนี้(อย่างจริงจัง) ก็หนีไม่พ้นเจ้าตัวเล็ก ที่ยุ่ง ซน เฮียบ ไม่รู้สมัยเรายังเด็กเป็นอย่างงี้ไหม แต่ปวดกะโหลกกับแกมาจริงๆ แม้ชีวิตของเขาจะไม่ได้ราบรื่น ราบเรียบ แต่เขาก็เป็นเด็กฉลาดพอตัวที่จะเอาชีวิตให้รอดปลอดภัย และเชื่อว่าโตขึ้นเขาจะเป็นคนดี และทำประโยชน์ให้แก่ทุกที่ที่เขาอยู่ เขาอาศัย ด้วยแรงผลักดันนี้ทำให้ผมคิด และลงมือทำหลายอย่าง อาจเป็นมวลวิกฤตที่ทำให้ผมสับสนกับสิ่งที่ต้องทำ สิ่งที่รัก สิ่งที่ไม่ชอบ แต่ก็ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อคนนี้ เพื่อเป็นการปูทางให้วันข้างหน้าของเขา ให้พร้อมรับกับเรื่องที่ดี และร้ายที่จะเข้ามา ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเจ้าตัวน้อยให้บทเรียน ให้ความรัก ให้พลังในการก้าวเดินต่อไปสำหรับคนคนหนึ่ง ในฐาน "พ่อ"


ท้ายที่สุดต้องขอบคุณคุณทุกท่านที่ให้เกียรติในเฟสบุ๊คผม เข้ามา like เข้ามาติดตาม เข้ามาให้กำลังใจ เข้ามาสนับสนุน เป็นครั้งคราว หรือเหนียวแน่น ผมตั้งใจให้เฟสบุ๊คผมเป็นเสมือนโปรไฟล์ที่ใครที่สนใจในตัวผม ทัศน์ผม หรือแม้แต่จะสมัครงาน(อันนี้ได้ถูกทดลองแล้วบ่อยครั้ง) เขาจะเข้ามา ซึ่งผมเองก็ไม่ได้แต่งเติมแต่เกินงาม ปรับแต่พอควร เพื่อให้เป็นพื้นที่แสดงออกถึงตัวตน ให้ผู้คน หรือกัลยาณมิตร ได้เข้าใจและรู้จักวิธีการใช้งาน เจ้าคนคนนี้ ซึ่งผมก็หวังเพียงให้ตนเองได้มีโอกาสเรียนรู้ พัฒนาตนเอง และสร้างประโยชน์สุข ตราบเท่าที่ตนเองจะมีกำลังเพียงพอต่อไป

และท้ายที่สุดของที่สุด ขอขอบพระคุณในไมตรีจิต แห่งมวลมติรในโลกโซเชียลครับ พรใดอันเป็นสุข ขอผลพรนั้น แผ่ถึงท่านทบเท่าทวีคูณ ด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะทำดีตลอดไป (นฤเทพ พรหมเทศน์ : ๒๙ ตุลา ๕๗)
 


4 เป้าหมาย 3 ความสำเร็จ สำรวจตัวเองเมื่อครบปี

ครบปีตามสัญญา เลยมา 3 วันนับจากปีที่ประกาศไว้ปีที่แล้ว ปีนี้มีความผ่อง มีความโล่งมากขึ้น ถือว่า ทำได้ครึ่งหนึ่ง

๑) ลูกค้าประกันชีวิต 150 คน เป้าหมายนี้ถือว่าไม่บรรลุ ไม่อยากบอก หรืออยากบอกแบบอายตัวเองว่า เราอาจไม่ใช่คนในสายนี้ จริงอยู่ ว่าเราเป็นนักบริการ มีจิตที่อยากช่วยเหลือ แต่อาจเพราะเราเข้าไม่ถึงแก่แท้ของงานประกัน งานบริการ หรือเราบริการนอกเหนือศักยภาพ ความสำเร็จนี้จึงไม่เกิด
.
๒) แหล่งอาหารปลอดภัยตำบลอุโมงค์ เป้านี้ดูใหญ่มากแต่ถือว่าทำได้เกินครึ่ง เพราะระยะเวลากว่าปีที่ผ่านมา ผมได้ผลิตผักปลอดภัย ผักพื้นบ้าน ออกสู่ตลาดสร้างรายได้ และทำให้เกิดการเข้าถึงมากขึ้น อาจยังไม่ถือว่าตัวเองสำเร็จ หรือเป็นที่รู้จักในวงการ แต่ปีต่อไป เราต้องขยับเป้าหมายให้กว้างขวาง และเป็นที่ยอมรับมากขึ้น เบื้องต้นถือว่าเปิดตัวได้แล้ว
.
๓) เชื่อมงานภาคีหนุนจังหวัดสุขภาวะ งานนี้ถือว่าเข้าเป้าเต็มๆ และเสมือนลังเล กังวลในหลายด้าน เพราะลำพูนถนัดในการทำงานเฉพาะองค์กร การทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะอาจต้องอาศัยการวางแผน หรือการเปิดใจอย่างเต็มที่ แต่กระนั้น ตอนนี้ถือว่าลำพูนได้เริ่มก่อตัวในภาระกิจร่วมกันแล้ว ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไร ผมเองก็สุดคาดเดา เพราะผมเองก็เสมือนเด็กน้อยที่คอยติดตามเฝ้ามอง คาดหวังว่าจะเป็นประโยชน์ในสังคมนี้ แต่จะมากน้อย คงต้องขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่จะได้คุยกัน
.
๔) สุดท้ายเป้าหมายการพัฒนาตนสู่ตำแหน่งผู้บริหาร ด้วยความคาดหวังว่าจะทำงานให้สังคม แต่กระนั้นสังคมนี้ยังมีคนเก่งอีกมาก ระหว่างทางของปี ผมได้ฝึกฝน อบรม และเรียนรู้กระบวนการต่างๆ มากมาย ถือว่าได้โอกาสดีๆในการเพิ่มศักยภาพบ่อยครั้ง ต้องขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่เอื้ออำนวยให้เกิดสิ่งดีๆเหล่านี้ ณ วันนี้ผมเองไม่คาดหวังว่าจะได้ทำงาน หรือไม่ทำงาน แต่ตั้งใจ ตั้งมั่นว่าหากได้เริ่มทำงานใดๆ ก็จะต้องสวมวิญญาณสาธารณะลุย และลงมือทำจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายให้จงได้
.
ภาพรวมของเป้าหมายปีที่ผ่านมา หลายเรื่องทำได้ บางเรื่องทำแบบกึ่งๆ และไม่กี่เรื่องที่ไม่สำเร็จ แต่ทุกเรื่องก็ต้องกลับมาวิเคราะห์ วางแผนและปรับเกมส์ไป ช่วงวันเกิดผมได้คำอวยพร ดีๆ ข้อคิดมากมายที่ทำให้เราพัฒนาศักยภาพก้าวไปสู่ "ศักยภาพใหม่" ขอบคุณโอกาสจากทุกท่านที่เอื้ออำนวยให้ และด้วยจิตที่ตั้งมั่นทำงานเพื่อผองชน โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการส่งมอบสังคมที่ดีที่สุด ให้แก่ลูกหลานที่เดิมตามเรามา (บ้านไร่พันผัก:3 พย 57)

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ผมกำลังชั่งใจระหว่างการเป็นเราที่ดีที่สุด หรือการเป็นเขาที่ดีที่สุด

ผมกำลังชั่งใจระหว่างการเป็นเราที่ดีที่สุด หรือการเป็นเขาที่ดีที่สุด
.
ฟังๆดูเสมือนผมมีเรื่องที่ชอบทำให้ปวดหัว มีเรื่องให้คิดมากอยู่เสมอ แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมครุ่นคิดเสมอว่า การเป็นเราที่ดีที่สุด(คือการเป็นตัวของตัวเอง ที่ดีที่สุด เป็นประโยชน์ที่สุด และไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ตัดส่วนเสีย พัฒนาส่วนดี) หรือการเป็นเขาที่ดีที่สุด (การเป็นคนในกรอบที่ดีที่สุด เพื่อเข้าไปสู่ฐานแท่นที่วางตัวตนอันเหมาะสม ซึ่งเกิดจาการขัดเกลา เพื่อให้เป็นคนที่สมบูรณ์ตามอุดมคติ) สิ่งใดจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด

.
ผมชอบปรัชญาของนิ้วทั้ง 5 แต่ละนิ้วมีความสั้นยาวต่างกัน ต่างนิ้วต่างมีประโยชน์แห่งกันและกัน แทนกันไม่ได้ ขาดจากกันก็ไม่ได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นเสมือนต้นคิดที่ยิ่งคิดวงวน ก็ยิ่งทำให้แอนเอียงไปสู่การเป็นเราที่ดีที่สุด(ความคิดแรก) โดยที่ผมเองก็ไม่ได้ซ้ายจัด หรือขวาจัดสุดโต่งนะครับ แต่ผมเชื่อในวิถีแห่งตนเอง เพราะไม่เช่นนั้นผมคงไปอยู่ในระบบ หรืออยู่ในแหล่งที่มีงาน มีเงิน มีสุข ตามสภาพที่หลายคนในสังคมกำลังดำเนินชีวิตอยู่
.
แต่เสมือนว่าเมื่อผมเลือกที่จะเป็นตัวผมที่ดีที่สุด เป็นตัวเราที่ดีที่สุด การมุ่งหน้าค้นหาจุดแข็งของตนเองจึงเกิดขึ้น อาจเป็นเพราะผมเชื่อในปรัชญาของการเสริมจุดแข็ง และพัฒนาให้เป็นประโยชน์ที่สุด ผมเองอาจไม่ได้เป็นนายกเทศมนตรี ที่ดีที่สุด แต่ผมอาจเป็นคนเก็บขยะที่ตั้งใจที่สุด ซึ่งแม้จะเป็นตำแหน่งที่ไม่น่าพิสมัย แต่ก็เป็นหน้าที่ซึ่งสังคมขาดไม่ได้(จำเป็นต้องมี และจำเป็นต้องเคารพในศักดิศรีกันและกัน)

รายงานสาธารณฉบับที่ 30.1 เวทีออกแบบการสื่อสารเครือข่ายสมัชชาฯ (ตอนที่ 1)

รายงานสาธารณฉบับที่ 30.1 เวทีออกแบบการสื่อสารเครือข่ายสมัชชาฯ (ตอนที่ 1)

จากลำพูนสู่ไมด้า ซีตี้ รีสอร์ท หลักสี่ การเดินทางคราวนี้มีหลายเรื่องที่ได้เรียนรู้ใหม่ๆเกิดขึ้นก่อนการเข้าร่วม เวทีออกแบบการสื่อสาร ผมเองเดินทางหลายครั้งครับ แต่ครั้งนี้ถึงใจถึงอารมณ์ที่สุด(ฮ่าๆๆๆ)
.


หลังจากการประชุมกับทีมขับเคลื่อนสมัชชาสุขภาพลำพูนจบลงมีการเฟ้นหาทีมงาน เพื่อลงไปเรียนรู้วิธีการรับมติสมัชชาติในวันที่ 13 พย นี้จบลง ผมก็มุ่งหน้าสู่ กทม. ก่อนที่จะถึงที่พัก ผมแวะเดินเที่ยวแถวดอนเมืองครับ
.

การเดินเที่ยวของผมอาจแปลกที่ชอบเดินไปตามแหล่งชุมชน พื้นที่ชีวิต ได้เห็นทุกข์สุข ของผู้คน ผมเดินจาก รร.อมารา ย้อนไปหลัก 4 ระยะทางก็ 5 กิโลครับแต่เหมือนไกลมากเพราะกำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง(ท่าจะใช่) ซึ่งระหว่างทางผมเห็นพบป้ายที่บ่อยสุดคือ "พื้นที่กองทัพอากาศ" นึกไปก็รู้สึกว่าพื้นที่ของทหารนี่ช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน
.

ระหว่างทางเห็นวิถีชีวิตผู้คนข้างทาง เสียดายแบทหมดเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา ที่ประทับใจสุดเห็นจะเป็น "เป็ดดอนเมือง" ที่เลี้ยงกันข้างถนน ระหว่างถนนกำแพงเพชร6 และ ถนนเชิดวุฒกาศ ซ่งมีเหมือนคูน้ำเล็กๆ พวกเป็ดน้อยก็อยู่กันอย่างน่ารัก เรียบร้อย ดูแล้วช่างขัดตากับภาพความเป็นดอนเมือง ความเป็นเมืองใหญ่ เสียจริง
.

เดินไปถึงคลังเก็บน้ำมัน ก็ไปต่อไม่ได้เพราะต้องเดินข้ามถนนใหญ่เลยตัดสินใจเดินเลียบไปซึ่งน่าจะเป็น ชุมชนคลองแปรมนี่นั่นผมได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนที่แออัด แต่ถือว่าเขามีการจัดการสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี(ตามกำลัง) แล้วทะลุออกที่ชุมชนแฟต จนสุดท้ายไปต่อไม่ไหว(กลัวหลง) จึงต่อมอไซถึงที่พัก(สนุกมาก แต่แม่บ้านออกแนวห่วงมากครับ)
.

ในคืนก่อนการประชุมผมได้คุยกับ อ.นิรันดร์ ซึ่งเป็นประธาน นนส.57 เป็นตัวแทน จ.เชียงราย ถึงทิศทางการร่วมงานสมัชชาชาติในบทบาทนักสานพลังและนำเสนอแนวคิดในการออกแบบ สื่อให้กับท่านเพื่อแลกเปลี่ยนและพัฒนา ซึ่งก็ถือว่าได้วอร์มความคิดส่วนหนึ่ง โดยหลักความคิดที่ผมเสนอไว้มี 4 ภาคคือ
1) มีการประสานความร่วมมือของสื่อ ทั้งในระดับ สช. และสื่อสาธารณะในพื้นที่
2) การแลกเปลี่ยนกิจกรรมผ่านงานเขียน เรื่องเล่า เพื่อเห็นทุกข์ เห็นสุข เห็นพลังของการเคลื่อนไหวในกระบวนการสมัชชา
3) การร่วมวางแผนงานร่วมกัน ในส่วนนี้ผมไม่ได้เสนอเพราะดูวงแล้วเป็นการนำเสนอที่ยกระดับกว่าเป้าหมายนี้
4) การร่วมกันเขย่าการสื่อสาร ด้วยสื่อออนไลน์ที่ทุกคนมีในมือ
.

ซึ่งทั้งหมดเป็นเนื้อหาที่ผมเตรียมมาแต่พอเอาเข้าจริง สิ่งที่ผมเตรียมบางสิ่งก็ใช้ได้ บางสิ่งก็ใช้ไม่ได้ เพราะการสนทนานี้เป็นการคุยเพื่อยกระดับกระบวนการสื่อสารผ่านเว็บไซท์ www.areahpp.net ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่กำลังมองหาการยกระดับของการสื่อสาร เพื่อก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลง.... พักไว้ตรงนี้ก่อนครับ พรุ่งนี้เล่าต่อ

Cr..ขอบคุณภาพจากน้องเหมียว พี่ไพฑูล และลุงนิรันดร์รับ

รายงานสาธารณฉบับที่ 30.1 เวทีออกแบบการสื่อสารเครือข่ายสมัชชาฯ (ตอนที่ 2)

รายงานสาธารณฉบับที่ 30.1 เวทีออกแบบการสื่อสารเครือข่ายสมัชชาฯ (ตอนที่ 2)

ความเดิมตอนที่แล้วผมเดินทางจากลำพูน มุ่งสู่กรุงเทพ เป้าหมายแยกหลักสี่ เมื่อวันที่ 31 พฤศจิกายน 2557 เพื่อร่วมระดมความคิดออกแบบการสื่อสารสำหรับพื้นที่สมัชชาสุขภาพ ภายใต้แนวคิด 4 ประการคือ ร่วมรับ ร่วมรู้ ร่วมแลก ร่วมลุย (เป็น 4 ข้อเดิมแต่ผลิตเป็นวาทะกรรมที่ให้กระชับมากขึ้นครับ) ซึ่งตอนแรกผมก็ยังสงสัยว่าทำไมผมถึงผมถึงเป็นผู้ได้รับเลือกให้ร่วมออกแบบ แนวคิด ....???
.
ผมมองว่าเป้าหมายแท้จริงของ สช. โดย สำนักปฏิบัติการพื้นที่ (สปท.) ที่กำลังหาแนวทางพัฒนาเว็บไซท์ www.areaphpp.net คงเป็นการระดมพลังหาทางสร้างการรับรู้สารที่แต่กลุ่มผลิตให้มากที่สุด มีประสิทธิภาพ และเป้าหมายหลักก็คือคนในพื้นที่ซึ่งอาจอยู่ในวงของสมัชชาสุขภาพจังหวัด นักสานพลัง หรือเป็นคนที่ทำงานด้านสื่อ(นักเขียน) ซึ่งเป็นเสมือนกุญแกสำคัญที่จะทำให้งานเดินหน้าไปได้


ในช่วงของการแลกเปลี่ยนเราพูดคุยกันหลายเรื่องครับที่เป็นเสมือนต้นทุนที่ เว็บไซท์ได้ดำเนินการมา และข้อจำกัดสำคัญที่จะต้องฝ่าไป เพื่อนำไปสู่การวางแผนระยะสั้น -ระยะยาว เบื้องต้นเราคุยกันหลากหลายสมกับองค์คณะที่มาจากหลากหลายศักยภาพ แต่สาระสำคัญที่คุยย้ำที่สุดคือ “สื่อเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง” ภายใต้สภาวะที่องค์กรทั้งหลายต่างมุ่งเป้าสู่การปฏิรูปที่กำลังจะเกิดขึ้น
.
ภายใต้กระบวนการสมัชชาสุขภาพพื้นที่/เฉพาะประเด็น ก็เป็นอีกกลไกที่สร้างการมีส่วนร่วม ก่อให้การเรียนรู้ เสมือนห้องเรียนประชาธิปไตยที่ไม่ได้คัดง้างเอาแพ้ชนะหักหานน้ำใจ แต่เป็นการระดมความคิดเพื่อสร้างการยอมรับ นำไปสู่การมีส่วนร่วม และหนุนให้สังคมสู่สุขภาวะ ซึ่งหมายถึงสุขภาพของสังคมที่ดีส่งผลต่อคน หรือพลเมืองที่มีคุณภาพแข็งแรงทั้งภายนอกภายใน
.
ภารกิจที่พอสรุปได้ของการประชุมออกแบบนั้นมีหลายระดับ ทั้งในระยะสั้น พลังที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่และต้องงัดออกมากภายใต้โปรเจค “๑๐๐ภาพ ร้อยเรื่องเล่า ชาวสมัชชาสุขภาพ” ซึ่งจะเป็นการระดมความงดงาม พัฒนาการที่เกิดขึ้นของสมัชชาสุขภาพพื้นที่แต่ละจังหวัดรวมเล่ม เป็นพลังเสริมกำลังใจ(ร่วมแลก)ของกันและกัน เมื่อมีข้อมูลมากขึ้น ความแหลมคมหรือเป้าหมายที่ต้องให้ชัดเจนก็จะเริ่มจำแนกได้ สร้างเครือข่ายได้ และทำให้จังหวัดที่ยังหลับไหน หรือเคลื่อนไหวอย่างไรพลัง ฟื้นตื่นมารวมกันขยับทางสังคม ส่งสู่บ้านเมืองสุขภาพวะในอนาคต
.
อีกวิธีการหนึ่งคือการร่วมเสริมพลังผ่านเครื่องมือสื่อออนไลน์(เฟสบุ๊ค เว็บไซท์) ซึ่งประหยัด รวดเร็ว และเข้าถึงได้สะดวก(ถือว่าน่าจะครอบคลุมที่สุดสื่อหนึ่ง) ด้วยแนวทาง PSL (Post/Share/Like) สารที่พี่น้องสื่อออกมาทั้งจากเว็บไซท์ หรือช่องทางที่จะเชื่อมต่อกันผ่าน mail group เครือข่ายสื่อสารสุขภาพ ซึ่งงานนี้ทีมจัดการเว็บไซท์อาจต้องออกแรกเหนื่อยหน่อย แต่คิดว่าการเหนื่อยครั้งนี้คงได้เพื่อน หรือผลที่ดีต่อการพัฒนาแนวทางร่วมกันระหว่างการผลิตสาร และการสร้างความเปลี่ยนแปลง
.
เอาหละครับนำเสนอมาเสียยาวดูท่าทางจะยังไม่จบง่ายแต่เจ้าตัวชักเหนื่อยเหลือ กิน ของยุติไว้ก่อน แล้วจะกลับมาเล่าต่อพรุ่งนี้นะครับ.....ขอบพระคุณสำหรับการติดตามครับ

รายงานสาธารณฉบับที่ 30.1 เวทีออกแบบการสื่อสารเครือข่ายสมัชชาฯ (ตอนที่ 3 ปัจฉิมบท)

รายงานสาธารณฉบับที่ 30.1 เวทีออกแบบการสื่อสารเครือข่ายสมัชชาฯ (ตอนที่ 3 ปัจฉิมบท)

ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเลยเถิดมาขนาดนี้ เป็นตอนที่ 3 แล้วซินะครับ แต่ไงจบตอนนี้แน่นอน เรื่องเก่าคงไม่เล่าใหม่แต่ขอฉายให้เป็นภาพงานระยะสั้นที่เป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของขบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะด้านสุขภาพ ผ่านเครื่องมือที่ชื่อว่าสมัชชาสุขภาพจังหวัด ซึ่งเตรียมกันไว้ได้แก่ “๑๐๐ภาพ ร้อยเรื่องเล่า ชาวสมัชชาสุขภาพ” ซึ่งจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นของผู้คนบนกระบวนการสมัชชาพื้นที่ สมัชชาเฉพาะประเด็น หรือลมใต้ปีกของกระบวนการสมัชชาสุขภาพ 100 เรื่อง 100 ภาพจะถูกบรรจุลงในนี้


นอกจากนั้นยังมีพันธ์สัญญาร่วมกัน(commitment) ที่จะช่วยเล่า ช่วยเขย่า ช่วยบอกต่อ(Post/Share/Like) ในเรื่องราวของกระบวนการสมัชชาสุขภาพของแต่ละท่านต่อจากนี้ไป ผ่านทั้ง mail group หรือ web site เพื่อส่งต่อพลังให้เชื่อมถึงกันสร้างสรรค์สิ่งสวยงามในอนาคตร่วมกัน


ด้วยพลังของเรื่องเล่าจะหนุนให้ทุกจังหวัดเคลื่อนต่อได้มากน้อยอย่างไร คงต้องขึ้นอยู่กับพลังของความแหลมคมในการสื่อสาร ของสารที่จะสื่อ นั่นจึงเสมือนเฟส2 แผนระยะยาว ของกระบวนการที่จะต้องอาศัยองค์คณะในการร่วมกำหนด ชี้ทิศ ชวนเชิญเหล่าจอมยุทธแห่งการสื่อสารมา ชุมนุมกันเพื่อสารพลังของเรื่องเล่าให้แหลมคม อาจจะเป็นการช่องทางสื่อสาร พัฒนาทักษะกระบวนการ หรืออาจะต่อยอดไปจนไปถึงการลงหนุนให้เขตสุขภาพเพื่อประชาชน หรือกลุ่มจังหวัดสมัชชาได้มากน้อยขนาดไหนคงต้องคอยติดตามกัน(แต่ที่แน่ๆสมัชชาสุขภาพล้านนาคงกำลังเตรียมทะยานเข้าสู่พื้นที่การสื่อสารนี้อยู่เป็นแน่)


ด้วยเจตนาแห่งการสร้างพลังสื่อสาร ผ่านพลังของเรื่องเล่า เพื่อให้กระบวนการสมัชชาสุขภาพพื้นที่/เฉพาะประเด็น เดินหน้าไปได้ และมุ่งเป้าไปสู่การปฏิรูป หรือการเปลี่ยนแปลงทางสังคม สู่สังคมสุขภาพวะ อาจยังดูห่างไกลนัก แต่ด้วยจิตวิญญาณเดียวกันของการร่วมสร้างสังคม ซึ่งขณะนี้หลายองค์กรกำลังมุ่งเข้าสู่เป้าหมายเดียวกัน อาจต่างชื่อ แต่ก็มุ่งเน้นให้สังคมของเราเป็นสังคมที่ “อยู่เย็น เป็นสุข”


ช่วงท้ายของการอบรม ก็เป็นปกติของการจากลาแม้วันนี้เราจะมากันไม่นาน แต่ก็ได้งานที่อาศัยทั้ง พลังเล่น พลังจริง พลังเล่า พลังถาม พลังแห่งความสงสัย และพลังแห่งการตื่นตัวมากมาย เพื่อจะขับให้สังคมนี้น่าอยู่มากขึ้น ขากลับได้คุยกับพี่ไพฑูร พี่ชายสกุลเดียวกันที่แต่อยู่กันคนละทิศ(เหนือ/อีสาน) ได้ฟังเรื่องเล่าที่เป็นพลังมากมาย และเห็นถึงจุดคานงัดของแต่ละคนที่จะมุ่งเป้าไปบางคนถนัดทำงานมวลชน บางคนถนัดด้านการสื่อสาร บางคนกระบวนการ หรือบางคนก็เป็นนักวิชาการ แต่สำคัญทุกคนล้วนเติมในสิ่งที่แต่ละคนขาด


ในช่วงของการเล่าเรื่องเหล่านี้ผมเองก็พลังค้นพบว่า ผมเป็นคนที่ถนัดในมุมไหน การเล่าเรื่องน่าจะเป็นพลังที่ผมพอจะทำได้ และน่าจะพัฒนาให้เป็นพลังที่เข้มแข็งมากขึ้น สร้างประโยชน์สุขมากขึ้น สร้างจังหวะก้าว สร้างรอยเท้าที่สง่างาม เพื่อให้คนรุ่นหลังได้จดจำ เดินตามได้อย่างภาคภูมิ ...นี่เองจึงเป็นที่สุดของความฝัน ที่จะสร้างตำนานให้ผู้คนจดจำในสิ่งดีๆที่เราเพียงสร้าง ...

ก็ยังดี

 #ก้าวร้อยก้าว ก็ยังดี  ช่วงนี้ ก็มีเรื่องหนึ่งในชีวิตที่ว้าวุ่น ตามประสาก็คือเรื่องลูกชาย ช่วงนี้ของชีวิตเขา มีกีฬาสี ที่แต่ละปีก็จะมีเรื่อ...