นนส. นักสานพลัง (นักพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วม)
ห้องน้องใหม่ เพื่อเป็นพื้นที่พูดคุย กับเครือข่าย มวลมิตรนักพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพปีนี้ไม่ได้เข้าร่วม ไม่ได้เข้าไปใช้ประโยชน์เท่าใดนัก เพราะถูกวางตัวไว้ให้เป็นนักพัฒนาในปีหน้า ปีนี้ยังไม่ต้องพัฒนา 555 แต่ก็เหมือนใจมันเคลื่อน ตัวจึงเคลื่อน การพัฒนานโยบายสาธารณะต้องเคลื่อนไหวทั้งเป็นรูปแบบ และไม่เป็นรูปแบบ เป็นทางการไม่เป็นทางการ ตามธรรมชาติและฝืนธรรมชาติ ซึ่งเสมือนถูกจริตตรงใจในการทำงานการพัฒนาของเรา เพราะหากจะให้เราเองไปเคลื่อนไหวเฮๆ ๆ ๆๆ ๆ ก็ไม่คุ้นชิน จะเป็นนักวิชาการจ๋า ก็คงทำไม่ได้ นี่แหละกึ่งสำเร็จรูป บินได้ ว่ายน้ำเป็น ดำน้ำนิดหน่อย เดินก็ได้ 555 อันนี้แหละใช่เลย
ข้อดีของห้องสานพลัง หรือห้องนักสานพลังคือพื้นที่แลกเปลี่ยนพูดคุยเพื่อพัฒนานักพัฒนานโยบายสาธารณะ อย่างมีส่วนร่วม โดยผมได้เข้าร่วมกับห้องนี้เล็กน้อยในการพัฒนากลไกติดตามความก้าวหน้าของประเด็นจักรยาน ซึ่งได้พูดคุยกับคุณจิตนา TCC ตัวแทนจากชมรมจักรยานแห่งประเทศไทย ได้พูดถึงกระบวนการติดตามและความเป็นไปได้ในการเคลื่อนงานมติสมัชชาสุขภาพ โดยแต่ละจังหวัดกลับมางานที่ต้องทำอยู่แล้ว และการติดตามขาเคลื่อนก็เป็นเสมือนทิศทางหนึ่งในการพัฒนานโยบายสาธารณะอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะในห้องอื่นจะเป็นเสมือนการติดตาม อย่างเป็นทางการ แต่ห้องนี้เป็นเหมือนห้องสานพลัง ห้องสานความคิดและสร้างสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้น ก็ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ซึ่งกำหนดไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ
ปัญหาอย่างซึ่งของผมเอง ซึ่งหากจะเรียกว่าเป็นปัญหาโลกแตกก็คือการที่ยังไม่สามารถอยู่ ยืน หรือ ยึดเกาะสิ่งใดได้ แต่ก็ยังทระนง(จะได้อีกสักกี่น้ำน้า) ในการครองตัวให้อยู่อย่างอิสระ และสร้างความมั่นคงได้ด้วยตัวเอง แต่ในไม่ช้าเราจะต้องก้าวไปอีกระดับหนึ่ง เราไม่ได้มอบระดับภูมิภาค แต่เรามองงานระดับชาติเลย คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก แต่ ณ วันนี้มีข้อจำกัดมากมายการเงิน การงาน และการวางแผนชีวิต เสมือนว่าตอนนี้เราจะต้องวางแผนการใหญ่ ตกผลึกแล้วสำหรับความคิด แต่การทำงานในอนาคตจะต้องวางแผนงานให้ชัดเจนกว่านี้ แน่นอน และก้าวอย่างมีพลัง จอมยุทธ์กว่าจะเป็นเจ้ายุทธ์ภพก็คงต้องอดทนจนกว่าโอกาสเพียงเล็กน้อยจะเกิดขึ้น ผมเอาก็หวังเช่นกัน ฝึกพันครั้งเพื่อใช้ครั้งเดียวที่ยิ่งใหญ่ .... อด เอา อิ
สำหรับห้องนักสานพลัง ผมมีข้อสังเกตอยู่ 2 จุดคือชื่อ ผมเองชอบชื่อว่าสานพลังมากกว่า หากมีโอกาสจะเปลี่ยนชื่อเป็นห้องสานพลัง เพราะจะได้หมายถึงห้องที่นักสานพลังจะใช้เพื่อผสานพลังจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อนำไปสู่การเกิดนโยบายสาธารณะ และอีกประเด็นหนึ่งคือการจัดสภาพห้องให้เอื้อต่อการพูดคุย ผมเองอาจชอบโซฟา มุมโต๊ะเล็กๆ หรือการสร้างพื้นที่สำหรับพูดคุยและแลกเปลี่ยนอย่างสร้างสรรค์ ผมเองอยากเห็นสภาพนั้นในห้องนี้ เพราะห้องนี้น่าจะเป็นพื้นที่ในการพัฒนางานด้านนโยบาย ซึ่งเป็นลักษณะไม่เป็นทางการ การพูดคุยแบบสบายๆน่าจะได้ไอเดียมากกว่า
มุมนักสื่อสารสังคม
พี่น้องเครือข่ายวิทยุชุมชน ยังคงเหนียวแน่นต่อการยืนหยัดในมุมความคิดของการสร้างพื้นที่สื่อสารแก่ชุมชน ตามเจตนารมณ์ที่เห็นร่วมกัน แม้บางแห่งจะเป็นวิทยุธุรกิจ วิทยุชุมชน 100% วิทยุกึ่งธุรกิจ(วิทยุเพื่อสังคม) ผมคงเรียกไม่ผิดนะครับ เพราะมีหลายแบบเหลือเกิน แต่สิ่งหนึ่งที่จะต้องเรียนรู้คือ รูปแบบการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนทำงานด้านสื่อ ผมเองไม่ใช่สื่อโดยตรง แต่พอสื่อสารได้ และเห็นความสำคัญของการใช้สื่อ เป็นเครื่องมือในการส่งต่อเจตนาของกลุ่มก้อนการทำงาน ให้ยืนหยัดและยั่งยืน
ภายใต้การทำงานของสื่อในยุคของทุนนิยม เงินเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สื่อสารสาธารณะยืนหยัดได้ยาก เพราะการจะต้องพึ่งพาทรัพยากรต่างๆหากไม่มีเม็ดเงินเข้ามาก็ทำให้อยู่อย่างลำบากแต่คนกลุ่มเล็กๆที่ทำงานกันอย่างต่อเนื่อง ก็ยังทำงานไม่หยุดหย่อนว่างเมื่อไหร่มีเปิดวงคุย เปิดวงเชื่อม เร่งเจรจาเพื่อให้การเคลื่อนไหวของสื่อชุมชนเดินหน้าได้ ทั้งวิทยุชมชน สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อใหม่ต่างๆตามแต่จะมีช่องทางดำเนินการ ซึ่งจุดที่น่าสนใจและชื่นชมที่สุดคงเป็นกลุ่มสื่อชุมชน ที่ใช้จังหวะโอกาสการเจอกันแต่ละครั้งอย่างไม่สูญเปล่า มีการพูดคุย แลกเปลี่ยน สานเครือข่ายและสร้างพลังการขับเคลื่อนอยู่เสมอ ทุกครั้งที่ผมเจอกลุ่มนี้ ก็มักจะเป็นการจัดมินิสมัชชา (คำนี้กำลังมา) เพื่อสอบถามความคืบหน้าของงาน ติดตามความเคลื่อนไหวของพี่น้อง(สื่อ) และเติมเต็มวิสัยทัศน์ ทางเลือกทางรอดเพื่อให้การเคลื่อนเรื่องสื่อชุมชนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผมเชื่อว่า คนที่ใช้ประโยชน์จากการประชุมได้ดีที่สุดคงเป็นกลุ่มนี้ เพราะไม่ใช่เพียงมาร่วมงานเพื่อเพิ่มสีสัน แต่ยังเป็นการเสริมจุดยืน และยังย้ำทิศทาง เติมโอกาส และสร้างกระบวนการเคลื่อนไหวอย่างมีระบบเกิดขึ้นอีกด้วย
ห้องเสกมติ
มาถึงกระบวนการสุดท้ายของสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าสมัชชา ผมเองชอบตั้งชื่อให้ผิดเพี้ยนไปเรื่อย แต่ผมก็คิดว่าห้องนี้เหมาะกับคำนี้จริงๆ ในกระบวนการสมัชชาจะมีองค์ประกอบที่เรียกว่า D1 และ D2 หรือขาขึ้น และขาเคลื่อน ขาขึ้นจะเป็นการเริ่มต้นด้วยเครือข่ายส่งต่อด้วยวิชาการ เติมเต็มด้วยวงการประชุม และปิดท้ายด้วยการเปิดสมัชชา เสกมติ และ เคาะๆๆๆๆๆๆ จากนั้น สช. ส่งต่อ ครม. โดยมี คมส. คณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามมติ เป็นผู้เกาะติดอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งกระบวนการนี้เป็นกระบวนการสำคัญ ผมเลยอยากเรียกให้เป็นกระบวนการศักดิ์สิทธิ เสียเลย
เหตุผลสำคัญที่ต้องยกให้ดูลอย ห่างไกล และดูเกินเอื้อมเนื่องจากต้องการยกให้เห็นชัด และยกคุณค่าของการทำกิจกรรมสมัชชา กระบวนการสมัชชาเริ่มต้นขึ้นและจบลง ใช้เวลา 365 วัน(ปีหนึ่งพอดี) แต่ในหนึ่งปีนั้น การเรียนรู้ร่วมกันสำคัญที่สุดเวลาของการศึกษา ถ้อยทีถ้อยอาศัย ร่วมกันทำงานเรียนรู้ และเตรียมรับไม้ต่อ ส่งต่อเป็นสิ่งสำคัญจนท้ายที่สุดการรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม ตัดต่อครั้งสุดท้ายจึงบังเกิด การทำงานที่รัดกุม มีขั้นตอนส่วนตัวผมก็มองว่าเป็นสีสันที่ดี และยิ่งทำให้กระบวนการสมัชชาดูทรงคุณค่ามากขึ้น กระบวนการนี้ผมเองอาจเรียกเล่นๆว่า “เสกมติ” แน่นอนว่ามติสมัชชาสุขภาพไม่ใช่คำสั่งการ หรือดาบที่จะใช้ประหัตประหาร สิ่งใด แต่เป็นเสมือนพลังอ่อน พลังความคิด พลังปัญญา ที่จะหนุนเสริม กระตุ้น สร้างแรงกระเพื่อม เพื่อส่งต่อให้สังคมได้เคลื่อนต่อไปบนกระบวนการมีส่วนร่วมได้รับการยอมรับ จนท้ายที่สุดจะส่งผลสำเร็จในสังคมในไม่ช้า
ทุกห้องที่ได้เข้าไปเรียนรู้มีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่มากมาย แล้วแต่เราจะเลือกหยิบจับ ปรับปรุง เพื่อใช้งานแต่อย่างน้อยที่สุด การได้เดินทางไปร่วมกับกิจกรรมสมัชชาสุขภาพครั้งนี้เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ความคิด ความรู้ ควรค่าแก่การนำไปใช้สานต่อในงานพื้นที่ของการพัฒนา บางทีเราก็รู้สึกโน้มเอียงว่า เราจะเลือกทำแต่งานสมัชชาสุขภาพ เป็นเครื่องมือของ สช.ไปหรือไม่ “ก็ไม่รู้ซินะ” ฉับพลันความคิด ก็แย้งสวนมาว่า กระบวนการพัฒนาทางสังคมมีอยู่อย่างหลากหลาย ไม่ว่าทางใดหากไปถึงความสำเร็จได้ ก็ควรเดินไปในทางนั้น ไม่ว่าเราจะเป็นเครื่องมือของใคร หรืออะไรจะเป็นเครื่องมือของเรา แต่หากทำให้สังคมนี้ดีขึ้น น่าอยู่ขึ้น สร้างบ้านสร้างเมืองให้ลูกหลานอยู่ได้อย่างสบายมากขึ้น เราพร้อมที่จะก้าวเดินไปสู่สิ่งเหล่านั้น
เพราะนี่คือภารกิจ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ก็ยังดี
#ก้าวร้อยก้าว ก็ยังดี ช่วงนี้ ก็มีเรื่องหนึ่งในชีวิตที่ว้าวุ่น ตามประสาก็คือเรื่องลูกชาย ช่วงนี้ของชีวิตเขา มีกีฬาสี ที่แต่ละปีก็จะมีเรื่อ...
-
เสมือนโซ่ข้อกลางที่คล้องระหว่าง กิจกรรมชุมชน และกิจกรรมแห่งรัฐ ที่อดีตถูกผูกโยงกับคนไม่กี่กลุ่ม จนปัจจุบันขยายวงกว้างสู่ประชาชนมากขึ้น เพียง...
-
ความมั่นคงทางอาหารบนฐานความพอเพียง รู้จริง ทำจริง เข้าใจจริง เป็นคำพูดที่ก้องสะท้อนในใจเสมอ สำหรับการทำงานด้านความมั่นคงทางอาหาร ใช่เพียง...
-
ภาพที่ถ่ายเก็บไว้ช่วงการเดินทางอบรม นนส.หลักสูตรนักสานพลังพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ นอกจากจะได้เจอเพื่อนใหม่ สานสัมพันธ์เพื่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น