วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บ่าหินเกิดกับต้า (ก้อนหินกับท่าน้ำ) วิเคราะห์เพื่อก้าวต่อไป

....หากจะว่าไปผมเองคงเป็นผลผลิตจากคำว่า "สำนึกรักบ้านเกิด" ก่อนหน้านี้ผมเชื่อมาโดยตลอดว่า คนเราต้องเกิดและเติบโตในถิ่นฐานของตนเอง สร้างประโยชน์ สร้างความสุขให้เกิดขึ้น 

 

....จนกระทั่ววันนี้ผมมองว่า ผมเองอาจคิดผิดไป

....สิ่งกระตุ้นสำคัญคือคำพูดแบบภาคเหนือ "บ่อหินเกิดกับต้า" หรือ หินที่เกิดแต่ท่าน้ำ คือคนที่เกิดจากถิ่นฐานที่นั่นจริงๆ ผมเองพยายามสร้างตัวตน และพัฒนาให้เป็นหินที่มีค่า เป็นหินที่มีประโยชน์ และพยายามที่จะสร้างชีวิตที่ดี เพื่อเป็นผู้รับใช้สังคมที่ดี เพียงแต่ว่า ทฤษฎีนี้อาจผิด 

....หลายครั้งที่รู้สึกว่าแนวคิดนี้ใช้ไม่ได้ผล คนที่ได้รับการยอมรับ คนที่ได้รับการยกย่อง เชื่อถือ เชื่อมั่น มักจะเป็นคนที่อยู่นอกองค์กร อยู่นอกพื้นที่ นอกหมู่บ้าน หรือนอกท่า ที่เกิดขึ้น 

....ผมเเลยกลับมาคิดว่านี่เองอาจเป็นกุศโลบายที่แยบคายของคนโบราณที่สอนคน เพราะ "หิน"อย่างไรก็คงเป็นหิน หากไม่ร่อน ไม่เจีย ไม่ขัด ให้เกิดเป็นเพชรหรือกลายเป็นเพชร  ก็ต้องผ่านกระบวนการหล่อหลอม เปลี่ยนแปลงธาตุ จากดิน สู่หิน จากหิน สู่เพชร มันต้องอาศัยกระบวนการ เวลา และปัจจัยอื่น ที่จะพัฒนาตนเอง ก่อนจึงจะมีค่า มีคุณค่า แต่เมื่อหินอยู่ในถิ่นเกิด หินก็ยังคงเป็นหิน ไม่แตกต่างจากเดิมหรือสภาพเดิมที่มันเป็น

....จึงคิดถึงหลักของธรรมชาติที่ว่า ทุกสิ่งต้องหมุนวน ไหวเวียน จึงจะทำให้เกิดสิ่งใหม่ สิ่งดีงาม "น้ำ"เมื่ออยู่ในเดิมก็กลายเป็นน้ำเน่า  "อากาศ"เมื่อไม่ไหววนก็เป็นอากาศเสีย  "ดิน"เคลื่อนที่ไม่เติมแร่ก็ใช้การไม่ได้ ทุกสิ่งล้วนต้องไหวเวียน หมุนวน "คน"เองก็เช่นกัน 

....นี่เองผมจึงพลันคิดได้ว่า ผมเองแม้จะมีสำนึกรักบ้านเกิด แต่สำนึกรักบ้านเกิดนั่นก็หาใช่ว่าจะต้องอยู่ ต้องแบก ไม่ต้องพัฒนาให้อยู่ในสภาวะใหม่ หรือไปเพิ่มเติม ไปสร้างประโยชน์แก่พื้นที่อื่นนั้นก็ไม่ใช่ คนเราต้องก้าวหน้า ต้องพัฒนา และก้าวข้ามศักยภาพเดิมอยู่เสมอ 

....สังคมเราเป็นสังคมที่ต้องไหววน คนก็ต้องหมุนเวียน ไปสร้างประโยชน์ สร้างการยอมรับ บ่มเพาะสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม แต่นอกพื้นที่ต่างพื้นที่ สร้างประโยชน์ สร้างการยอมรับจากถิ่นอื่น สร้างความเจริญให้แก่ต่างถิ่น เพราะนี่คือหลักธรรมชาติ หลักการที่ต้องไหวเวียน ถ่ายเท แต่ก็ไม่ละเลยละทิ้งบ้านเกิดของตนเอง นี่จึงอาจเป็นนิยามของคำว่า "สำนึกรักบ้านเกิด" รักที่ไม่ใช่หลงไม่ใช่มัวเมาอยู่แต่ในแหล่งเดิม ถิ่นเดิม ท่าน้ำเดิม และโหยหาที่จะเป็นสิ่งใหม่  แต่เป็นรักที่มีระยะห่าง ไม่ใกล้ ไม่ไกล และยังคงดูแลใส่ใจบ้านเกิดเมืองนอนเสมอ 

....หินเกิดกับท่า ก็ใช่ว่าจะต้องอยู่ให้เป็นหินเสมอไป  ย่อมต้องพัฒนาตน  ปรับเปลี่ยนศักยภาพ  แปรธาตุให้เต็มเปี่ยม ถึงพร้อมเสียก่อน แล้วจึงจะกลับมาเป็นหิน แม้จะไม่ใช่เพชรในสายตาของหินในแห่งน้ำ ท่าน้ำเดิมที่ตนอยู่เกิดมา  กลับมองเป็นหินก้อนหนึ่งเช่นเดิม  แต่ก็จะเป็นหินที่มีคุณค่า และผ่านประโยชน์ตามที่พึงจะเป็นแล้วอย่างที่สุด

....ท้ายที่สุดแล้วผมเสมือนค้นพบว่าเราจะต้องเดินออกไปยังโลกภายนอก  สร้างคุณค่าในตน สร้างประโยชน์ให้โลก โดยไม่ละเลย ไม่ลืมโลกภายใน หรือบ้านเกิดของตนเอง 

หินและท่าน้ำ
ออส หละปูน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ก็ยังดี

 #ก้าวร้อยก้าว ก็ยังดี  ช่วงนี้ ก็มีเรื่องหนึ่งในชีวิตที่ว้าวุ่น ตามประสาก็คือเรื่องลูกชาย ช่วงนี้ของชีวิตเขา มีกีฬาสี ที่แต่ละปีก็จะมีเรื่อ...