วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558

บันทึกการเดินทางที่ 30.5 แอ่วเจียงตุง พะยาก และเมืองยอง

บันทึกการเดินทางที่ 30.5 แอ่วเจียงตุง พะยาก และเมืองยอง

ถือเป็นทริปที่มีความสำคัญ และได้เนื้อหาที่หลากหลายเอามาลงในบันทึกของผมเป็นอย่างมากครับ แต่ด้วยมุมมองที่มีอยู่มากล้น เลยกังวลว่าจะเขียนไม่เสร็จ และล่าช้าเกินกว่าการ จึงทำแบบย่อออกมาให้พวกเราได้รับทราบความเคลื่อนไหวหรือจังหวะก้าวของผม ในต่างแดนครับ

สัปดาห์ทีผ่านมา 24-27 พย 57 ผมเดินทางร่วมกับคณะผู้บริหารเทศบาลอุโมงค์ เจ้าหน้าที่ และบุคคลสำคัญหลายท่านถือว่าได้รับโอกาสสูงสุดที่ได้ร่วมเดินทางไปด้วยใน คราวการไปดูงานในเมืองยอง จะว่าเที่ยวก็ไม่เชิง จะว่าดูงานก็ไม่ใช่ แต่สิ่งที่ได้มีมากมายเหลือเกินสำหรับผม การได้รู้ทุกข์ รู้สุข ของพี่น้องชาติพันธุ์เป็นสิ่งสำคัญที่ผมสนใจครับ อยากรู้จริงๆว่าหากเปิดอาเซียนแล้วเราจะเป็นอย่างไร

แม้พม่าจะเป็นประเทศใหม่ที่เปิดประตูรับภาคธุรกิจ แต่ก็ยังไม่ใช่เมืองที่น่าลงทุนมากนักครับ ในเมืองที่ผมไปคือรัฐฉาน เมืองที่ยังมีการปกครองแบบแยกส่วน จะว่าจังหวัดจัดการตนเอง ก็ไม่เชิง เพราะเชื่อว่าเม็ดเงินที่จ่ายไปอาจเข้าประเป๋าใครบางคน สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะระบบเศรษฐกิจของพม่ายังแยกส่วน ไม่ได้จ่ายค่าความสามารถของคนตามสมควรครับ

พม่าวันนี้ยังเป็นเมืองที่คนกลุ่มหลักคือคนสัญญาติพม่า ยังผูดขาดกับระบบรัฐะ ส่วนคนกลุ่มอื่นก็ไม่ค่อยสนใจเข้าทำงานในระบบรัฐ เพราะเงินเดือน หรือค่าตอบแทนที่ให้ค่อนข้างน้อย(ดูๆไปก็เหมือนทุกข์ลาภของคนพม่าแท้ครับ) และระบบที่พม่างยังใช้อยู่คือการแบ่งพื้นที่ให้ผู้นำที่ปกครอง จัดเก็บผลประโยชน์ โดยไม่ได้ผ่านระบบรัฐ หรือ ระบบท้องถิ่น ตามที่ควรจะเป็น เม็ดเงินจึงกระจาย หรือกระจุกลงแต่บางส่วนเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าโดยภาพรวมแล้วพลังทางเศรษฐกิจที่จะเกิดจากการระดมทุน คงเป็นไปได้ช้า แต่สิ่งเหล่านี้มันปรับเปลี่ยนได้ครับ และคิดว่าพม่าเองคงกำลังแก้ไขเรื่องนี้อยู่

ผมฟังเรื่องราวและคิดตามจากไกด์ผมสองท่าน สายมุ้ง และ ทุนทุนอู ไกด์ไทยใหญ่ และไกด์พม่าแท้ ปัจจุบันคนพม่า และคนชาติพันธุ์อื่นอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข ในมิตินี้อาจหมายถึงคนพม่ารุ่นใหม่ ที่ต้องการเห็นบ้านเมืองเติบโตพวกเราเป็นเพื่อนกันครับ และทำงานร่วมกันในฐานะไกด์ พม่าเป็นเมืองที่แปลกหลายอย่าง เช่น ภาษาที่ต่างคนต่างพูดภาษาของตนเอง แต่ก็ฟังกันรู้เรื่อง (พม่า ไทยใหญ่ ลื้อ ยอง ไตเขิน) คิดๆไปก็คงน่าสนุกดี

คณะของพวกเราเดินทางไปเมืองพะยากเป็นที่แรกครับ ต่อด้วยเมืองยอง ถนนที่ฝ่ายช่างที่ติดตามไปประทับใจมาก เพราะเป็นถนนแบบราดยางมาตรฐานแบบที่ 1 ซึ่งในประเทศไทยไม่มีให้ผลิตอีกแล้ว(ความรู้ด้านถนน) แต่พวกเขาก็กำลังผลิตกัน ใจผมไม่อยากเรียกถนนเลย เพราะระยะทางแค่ ร้อยกว่าโลเดินทางกันเกือบครึ่งวัน

สิ่งหนึ่งที่ผมติดใจคือการคุยเรื่องเวลาครับ ไปพม่าไม่ต้องถามเรื่องเวลา เช้าก็คือเช้า สายก็คือสาย ไม่ต้องถามว่ากี่โมงถึง เพราะกว่าจะถึงเมืองยอง จอดพัก สามแห่ง แต่ละแห่งก็ล้วนบอกว่าอีกสักชั่วโมง(ฮ่า) จากเมืองยองเราไหว้พระธาตุจอมยอง ไปร่วมสร้างพระธาตุทองมั่น และพระธาตุหัวเวียง เราได้เห็นตลาดเมืองยอง ที่มีเศรษฐกิจที่ดีมากแห่งหนึ่ง และอาหารสามมื้อล้วนแต่มีถั่วเน่าประกอบแบบไม่คาดเอาเป็นว่า เบื่อกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว อาหารส่วนใหญ่ที่จัดเลี้ยงโดยชาวบ้านมักเป็นอาหารแบบเมืองแท้ๆ(ย้ำว่าแท้ๆ ครับ) บางคนถึงกับกินไม่ได้เพราะความออริจินอลมากๆ

จากเมืองยองเราเข้าสู่เชียงตุง ผมได้พบกับงานมหกรรมการพนัน หากเป็นบ้านเราผมคงขัดตามาก แต่เพราะเป็นต่างประเทศ กฎหมายที่บังคับใช้ไม่ได้แคร่งครัดนัก เหมือนงานฤดูหนาวบ้านเรา เป้าหมายก็เพื่อความสุข หรือความสนุกสนานของคนที่เข้าร่วมงาน ที่จริงแล้วก็เป็นชายหนุุ่มเสียส่วนใหญ่ สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากงานนี้คงเป็นเจตนาที่เขาจัด เพราะรัฐฉานเป็นเมืองที่เหมือนอู่ข้าวอู่น้ำ ทำการเกษตรได้ดีมาก การทำนาครั้งหนึ่งเมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วก็น่าจะมีการผ่อนคลาย งานฤดูหนาวก็คงมีเพื่อกาลนี้ อีกอย่างชาวบ้านก็คงไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวเฮฮาที่ไหนมากนัก นานๆ ครั้งก็คงไม่เสียหายอะไร และถือเป็นกระกระตุ้นเศรษฐกิจไปอีกทางหนึ่ง

ตลอดสี่วันผมได้เรียนรู้เมืองที่สนใจและคิดเสมอว่าหากมีโอกาส จะรวบรวมเงิน สะสมเวลาไปเที่ยวอีกเพราะข้อดีของเมืองยอง หรือ รัฐฉาน หรือ พม่า มีอยู่ที่ไม่มีใครโทรหา ไม่ต้องรับโทรศัพท์ หรือคอยบอกอะไรใคร ตัดขาดจากโลกภายนอก อยู่ในสังคมใหม่ เมืองที่มีอากาศดี มีสีเขียว มีสังคมที่น่าอยู่ ใกล้เคียงกับบ้านเรา แม้จะมีปัญหาสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นบ้าง หรือความไม่ชัดเจนเรื่องการเมืองการปกครองที่เกาะกินบ้าง แต่ก็นับเป็นเมืองที่น่าอยู่อีกเมืองหนึ่งครับ

(นฤเทพ 1.12.57 : บ้านลำพูน)
ปล.ภาพชุด เนื้อหา และบทความเสมือนยังไม่จุใจและเต็มที่จะเร่งขยายความเพื่อทำเป็น pocket book โดยไวครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ก็ยังดี

 #ก้าวร้อยก้าว ก็ยังดี  ช่วงนี้ ก็มีเรื่องหนึ่งในชีวิตที่ว้าวุ่น ตามประสาก็คือเรื่องลูกชาย ช่วงนี้ของชีวิตเขา มีกีฬาสี ที่แต่ละปีก็จะมีเรื่อ...